Sponsored
  • เชิญชวนพี่น้องบ้านเจริญมาศ หมู่ 9 ตำบลลำปลายมาศ

    เย็นนี้ขอเชิญทุกท่าน ร่วมงานลอยกระทงประจำปี ณ บริเวณหน้าเทศบาลเมืองลำปลายมาศ
    นอกจากจะได้ร่วมสืบสานประเพณีไทยอันงดงามแล้ว ยังมีการแสดง นางรำ ฟ้อนรำถวายความอาลัยแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อันทรงคุณค่าและเปี่ยมด้วยความจงรักภักดี

    ขอเชิญพ่อค้าแม่ขายในหมู่บ้าน ร่วมทำกระทงไปจำหน่ายที่งานเทศบาลด้วยนะครับ
    ปีนี้บรรยากาศคึกคักแน่นอน เพราะมีทั้ง นางรำจากหมู่บ้านเรา และ โครงการคนละครึ่ง
    ถือเป็น “กระทงคนละครึ่ง” ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนของเราให้คึกคักมากยิ่งขึ้น

    มาร่วมกันสร้างสีสัน ส่งเสริมเศรษฐกิจหมู่บ้าน และร่วมอนุรักษ์ประเพณีไทยไปด้วยกันครับ
    #บ้านเจริญมาศหมู่9 #ลอยกระทงลำปลายมาศ #กระทงคนละครึ่ง
    📣 เชิญชวนพี่น้องบ้านเจริญมาศ หมู่ 9 ตำบลลำปลายมาศ เย็นนี้ขอเชิญทุกท่าน ร่วมงานลอยกระทงประจำปี ณ บริเวณหน้าเทศบาลเมืองลำปลายมาศ นอกจากจะได้ร่วมสืบสานประเพณีไทยอันงดงามแล้ว ยังมีการแสดง นางรำ ฟ้อนรำถวายความอาลัยแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อันทรงคุณค่าและเปี่ยมด้วยความจงรักภักดี 🌕 ขอเชิญพ่อค้าแม่ขายในหมู่บ้าน ร่วมทำกระทงไปจำหน่ายที่งานเทศบาลด้วยนะครับ ปีนี้บรรยากาศคึกคักแน่นอน เพราะมีทั้ง นางรำจากหมู่บ้านเรา และ โครงการคนละครึ่ง ถือเป็น “กระทงคนละครึ่ง” ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนของเราให้คึกคักมากยิ่งขึ้น 💦 มาร่วมกันสร้างสีสัน ส่งเสริมเศรษฐกิจหมู่บ้าน และร่วมอนุรักษ์ประเพณีไทยไปด้วยกันครับ #บ้านเจริญมาศหมู่9 #ลอยกระทงลำปลายมาศ #กระทงคนละครึ่ง
    0 Comments 0 Shares 2K Views 0 Reviews
  • เรากำลังมองหา ผู้หญิงไทย ที่สนใจร่วมงานกับเราในด้าน โปรโมชันและการตลาด
    หากคุณมั่นใจ มีความคิดสร้างสรรค์ และมีความหลงใหลในงานนี้ โอกาสของคุณมาถึงแล้ว!
    We are looking for Thai women to join us in promotion and marketing projects.
    If you are confident, creative, and passionate, this is your chance!
    Apply now on
    https://actorsnmodels.com/registration.php?ref=WIMO8058 #งานสร้างสรรค์ #งานการตลาด
    เรากำลังมองหา ผู้หญิงไทย ที่สนใจร่วมงานกับเราในด้าน โปรโมชันและการตลาด หากคุณมั่นใจ มีความคิดสร้างสรรค์ และมีความหลงใหลในงานนี้ โอกาสของคุณมาถึงแล้ว! We are looking for Thai women to join us in promotion and marketing projects. If you are confident, creative, and passionate, this is your chance! Apply now on https://actorsnmodels.com/registration.php?ref=WIMO8058 #งานสร้างสรรค์ #งานการตลาด
    0 Comments 0 Shares 2K Views 0 Reviews
  • ขอแสดงความอาลัยอย่างสุดซึ้ง
    แด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
    ผู้ทรงเป็นแม่แห่งแผ่นดิน ทรงอุทิศพระวรกายเพื่อประชาชนชาวไทยตลอดพระชนม์ชีพ
    ขอพระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
    ขอแสดงความอาลัยอย่างสุดซึ้ง แด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงเป็นแม่แห่งแผ่นดิน ทรงอุทิศพระวรกายเพื่อประชาชนชาวไทยตลอดพระชนม์ชีพ ขอพระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ 🙏
    0 Comments 0 Shares 2K Views 0 Reviews
  • ประวัติอำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์

    ในอดีต “อำเภอลำปลายมาศ” เดิมเป็นเพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ เป็นชุมชนขนาดย่อม ไม่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากนัก จนกระทั่งทางราชการได้เริ่มสร้างทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือจากจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งสร้างถึงนครราชสีมาเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2443 และต่อมาสร้างถึงจังหวัดบุรีรัมย์เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2468

    เมื่อเส้นทางรถไฟตัดผ่านบริเวณนี้ ทำให้มีราษฎรอพยพเข้ามาจับจองที่ดิน ทำการบุกป่าถางพง ปลูกบ้านเรือนและตั้งถิ่นฐานมากขึ้นเรื่อย ๆ บริเวณดังกล่าวจึงเริ่มกลายเป็นชุมชนขนาดใหญ่ขึ้น

    ต่อมาเมื่อทางรถไฟสร้างต่อไปสิ้นสุดที่จังหวัดอุบลราชธานี หมู่บ้านบริเวณนี้จึงได้รับการตั้งชื่อว่า “บ้านหนองยาง” และสถานีรถไฟที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ก็ถูกเรียกตามว่า “สถานีหนองยาง” ชาวบ้านทั่วไปนิยมเรียกกันติดปากว่า “สะเตหนองยาง” ซึ่งในขณะนั้นยังขึ้นอยู่กับการปกครองของ อำเภอนางรอง

    ต่อมาในปี พ.ศ. 2479 กระทรวงมหาดไทยได้ประกาศโอนหมู่บ้านและตำบลบางแห่งจากอำเภอพิมาย (ซึ่งปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอชุมพวง จังหวัดนครราชสีมา) มาตั้งเป็น ตำบลโคกสะอาด และโอน ตำบลหนองกะทิง และ ตำบลหนองยาง จากเขตอำเภอนางรอง รวมทั้งโอน ตำบลทะเมนชัย, ตำบลตลาดโพธิ์, และ ตำบลโคกกลาง จากอำเภอเมืองบุรีรัมย์ รวมทั้งหมด 6 ตำบล

    ต่อมาทางราชการได้ประกาศจัดตั้งเป็น “กิ่งอำเภอลำปลายมาศ” เมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2479 ขึ้นตรงต่อการปกครองของอำเภอเมืองบุรีรัมย์

    ภายหลัง เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2490 กระทรวงมหาดไทยได้ออก พระราชกฤษฎีกายกฐานะกิ่งอำเภอลำปลายมาศขึ้นเป็น “อำเภอลำปลายมาศ” อย่างเป็นทางการ และใช้ชื่อนี้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
    ประวัติอำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ ในอดีต “อำเภอลำปลายมาศ” เดิมเป็นเพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ เป็นชุมชนขนาดย่อม ไม่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากนัก จนกระทั่งทางราชการได้เริ่มสร้างทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือจากจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งสร้างถึงนครราชสีมาเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2443 และต่อมาสร้างถึงจังหวัดบุรีรัมย์เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2468 เมื่อเส้นทางรถไฟตัดผ่านบริเวณนี้ ทำให้มีราษฎรอพยพเข้ามาจับจองที่ดิน ทำการบุกป่าถางพง ปลูกบ้านเรือนและตั้งถิ่นฐานมากขึ้นเรื่อย ๆ บริเวณดังกล่าวจึงเริ่มกลายเป็นชุมชนขนาดใหญ่ขึ้น ต่อมาเมื่อทางรถไฟสร้างต่อไปสิ้นสุดที่จังหวัดอุบลราชธานี หมู่บ้านบริเวณนี้จึงได้รับการตั้งชื่อว่า “บ้านหนองยาง” และสถานีรถไฟที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ก็ถูกเรียกตามว่า “สถานีหนองยาง” ชาวบ้านทั่วไปนิยมเรียกกันติดปากว่า “สะเตหนองยาง” ซึ่งในขณะนั้นยังขึ้นอยู่กับการปกครองของ อำเภอนางรอง ต่อมาในปี พ.ศ. 2479 กระทรวงมหาดไทยได้ประกาศโอนหมู่บ้านและตำบลบางแห่งจากอำเภอพิมาย (ซึ่งปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอชุมพวง จังหวัดนครราชสีมา) มาตั้งเป็น ตำบลโคกสะอาด และโอน ตำบลหนองกะทิง และ ตำบลหนองยาง จากเขตอำเภอนางรอง รวมทั้งโอน ตำบลทะเมนชัย, ตำบลตลาดโพธิ์, และ ตำบลโคกกลาง จากอำเภอเมืองบุรีรัมย์ รวมทั้งหมด 6 ตำบล ต่อมาทางราชการได้ประกาศจัดตั้งเป็น “กิ่งอำเภอลำปลายมาศ” เมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2479 ขึ้นตรงต่อการปกครองของอำเภอเมืองบุรีรัมย์ ภายหลัง เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2490 กระทรวงมหาดไทยได้ออก พระราชกฤษฎีกายกฐานะกิ่งอำเภอลำปลายมาศขึ้นเป็น “อำเภอลำปลายมาศ” อย่างเป็นทางการ และใช้ชื่อนี้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
    0 Comments 0 Shares 1K Views 0 Reviews
  • 28 กันยายน วันธงชาติไทย
    28 กันยายน วันธงชาติไทย
    0 Comments 0 Shares 353 Views 0 Reviews
  • งานแซนโฎนตา 2568 ตรงกับ วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน 2568 โดยวัน "ไงเบ็ณฑ์ตูจ" (วันไหว้บรรพบุรุษในบ้าน) ตรงกับวันที่ 21 กันยายน และวัน "ไงเบ็ณฑ์ธม" (วันที่ไปทำบุญที่วัด) ตรงกับวันจันทร์ที่ 22 กันยายน
    วันแซนโฎนตา 2568
    วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน 2568: วัน "ไงเบ็ณฑ์ตูจ" หรือ "ไงแซนโฎนตา" ซึ่งเป็นวันเซ่นไหว้บรรพบุรุษในบ้าน หรือที่เรียกว่า "วันครอบครัว"
    วันจันทร์ที่ 22 กันยายน 2568: วัน "ไงเบ็ณฑ์ธม" เป็นวันที่ชาวบ้านนำสิ่งของไปทำบุญที่วัด
    เกี่ยวกับประเพณีแซนโฎนตา
    เป็นประเพณีบุญเดือนสิบของชาวไทยเชื้อสายเขมร หรือที่เรียกว่า "สารทเขมร"
    เป็นพิธีเซ่นไหว้ ปู่ ย่า ตา ยาย หรือบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว
    งานแซนโฎนตา 2568 ตรงกับ วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน 2568 โดยวัน "ไงเบ็ณฑ์ตูจ" (วันไหว้บรรพบุรุษในบ้าน) ตรงกับวันที่ 21 กันยายน และวัน "ไงเบ็ณฑ์ธม" (วันที่ไปทำบุญที่วัด) ตรงกับวันจันทร์ที่ 22 กันยายน วันแซนโฎนตา 2568 วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน 2568: วัน "ไงเบ็ณฑ์ตูจ" หรือ "ไงแซนโฎนตา" ซึ่งเป็นวันเซ่นไหว้บรรพบุรุษในบ้าน หรือที่เรียกว่า "วันครอบครัว" วันจันทร์ที่ 22 กันยายน 2568: วัน "ไงเบ็ณฑ์ธม" เป็นวันที่ชาวบ้านนำสิ่งของไปทำบุญที่วัด เกี่ยวกับประเพณีแซนโฎนตา เป็นประเพณีบุญเดือนสิบของชาวไทยเชื้อสายเขมร หรือที่เรียกว่า "สารทเขมร" เป็นพิธีเซ่นไหว้ ปู่ ย่า ตา ยาย หรือบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว
    0 Comments 0 Shares 519 Views 0 Reviews
  • คำประกาศจากผู้ใหญ่บ้าน

    สวัสดีตอนเที่ยงวันอาทิตย์ หลังฝนโปรยปรายครับพี่น้องชาวบ้านเจริญมาศทุกท่าน

    วันนี้ขอถือโอกาสเชิญชวนลูกบ้านทุกครัวเรือน ร่วมกันดูแลบ้านเรือนของเราให้สะอาดเรียบร้อย ทั้งภายในและรอบ ๆ บ้าน
    หลังบ้านสะอาดเป็นระเบียบ
    หน้าบ้านน่ามอง ดูสบายตา
    มีป้ายเลขที่บ้านชัดเจน
    ประดับธงชาติไทย และธงสัญลักษณ์ในหลวงไว้หน้าบ้าน

    สิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้ จะทำให้หมู่บ้านของเราน่าอยู่ เป็นระเบียบเรียบร้อย และยังสะท้อนถึงความรัก ความสามัคคี และความภูมิใจในชุมชนของเรา

    ขอให้ทุกครอบครัวร่วมแรงร่วมใจกัน เพื่อบ้านเจริญมาศของเราจะได้เป็นชุมชนที่สะอาด สวยงาม และอบอุ่นน่าอยู่ต่อไปครับ

    ด้วยความปรารถนาดี
    นายธรรมราช จันทร์ดอน
    ผู้ใหญ่บ้านเจริญมาศ หมู่ 9
    📢 คำประกาศจากผู้ใหญ่บ้าน สวัสดีตอนเที่ยงวันอาทิตย์ หลังฝนโปรยปรายครับพี่น้องชาวบ้านเจริญมาศทุกท่าน วันนี้ขอถือโอกาสเชิญชวนลูกบ้านทุกครัวเรือน ร่วมกันดูแลบ้านเรือนของเราให้สะอาดเรียบร้อย ทั้งภายในและรอบ ๆ บ้าน 🏡 หลังบ้านสะอาดเป็นระเบียบ 🏡 หน้าบ้านน่ามอง ดูสบายตา 🏡 มีป้ายเลขที่บ้านชัดเจน 🇹🇭 ประดับธงชาติไทย และธงสัญลักษณ์ในหลวงไว้หน้าบ้าน สิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้ จะทำให้หมู่บ้านของเราน่าอยู่ เป็นระเบียบเรียบร้อย และยังสะท้อนถึงความรัก ความสามัคคี และความภูมิใจในชุมชนของเรา ขอให้ทุกครอบครัวร่วมแรงร่วมใจกัน เพื่อบ้านเจริญมาศของเราจะได้เป็นชุมชนที่สะอาด สวยงาม และอบอุ่นน่าอยู่ต่อไปครับ ด้วยความปรารถนาดี นายธรรมราช จันทร์ดอน ผู้ใหญ่บ้านเจริญมาศ หมู่ 9
    0 Comments 0 Shares 684 Views 0 Reviews
  • ทอง ทอง ทอง...
    ตลอดปีที่ผ่านมา ราคาทองคำพุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง จากปัจจัยดอกเบี้ยสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลง เงินดอลลาร์อ่อนค่า ความไม่แน่นอนทางการค้า–การเมืองโลก และแรงซื้อจากธนาคารกลาง-กองทุน ETF ทำให้ความต้องการทองคำพุ่ง โดยเฉพาะทองคำแท่งที่เพิ่มขึ้นกว่า 25–38% ในไทย ขณะที่ทองรูปพรรณลดลง

    ‘ฮั่วเซ่งเฮง’ ประเมินสิ้นปีทองคำอาจแตะ 3,780 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือราว 56,000 บาท/บาททองคำ พร้อมชี้กลยุทธ์ลงทุนทั้งแบบเก็งกำไรสั้นผ่านบัญชี FCD การสะสมทองแท่งระยะยาว และการออมทองออนไลน์

    นอกจากนี้ยังมีแผนผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางทองคำอาเซียน ด้วยการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม พัฒนาโลจิสติกส์ และเทคโนโลยี–แรงงาน เพื่อให้ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและมีคุณค่าในยุคเศรษฐกิจผันผวน.

    ทอง ทอง ทอง... ตลอดปีที่ผ่านมา ราคาทองคำพุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง จากปัจจัยดอกเบี้ยสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลง เงินดอลลาร์อ่อนค่า ความไม่แน่นอนทางการค้า–การเมืองโลก และแรงซื้อจากธนาคารกลาง-กองทุน ETF ทำให้ความต้องการทองคำพุ่ง โดยเฉพาะทองคำแท่งที่เพิ่มขึ้นกว่า 25–38% ในไทย ขณะที่ทองรูปพรรณลดลง ‘ฮั่วเซ่งเฮง’ ประเมินสิ้นปีทองคำอาจแตะ 3,780 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือราว 56,000 บาท/บาททองคำ พร้อมชี้กลยุทธ์ลงทุนทั้งแบบเก็งกำไรสั้นผ่านบัญชี FCD การสะสมทองแท่งระยะยาว และการออมทองออนไลน์ นอกจากนี้ยังมีแผนผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางทองคำอาเซียน ด้วยการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม พัฒนาโลจิสติกส์ และเทคโนโลยี–แรงงาน เพื่อให้ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและมีคุณค่าในยุคเศรษฐกิจผันผวน.
    0 Comments 0 Shares 1K Views 0 Reviews

  • คนไทยไว้ใจ “อินฟลูเอนเซอร์”? กระจกสะท้อนสังคมไทยยุคดิจิทัล

    [เรื่อง: สิรินภา เพิ่มสกุลสิน]

    ในยุคดิจิทัลที่ใครก็มีพื้นที่สื่อ อินฟลูเอนเซอร์จึงกลายเป็นผู้มีอิทธิพลต่อสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง ทั้งที่ไม่ได้มีตำแหน่งทางการ อำนาจของพวกเขามาจากผู้ติดตามและความเชื่อมั่นที่ได้รับ

    อย่างไรก็ตาม หลายคนใช้พื้นที่อย่างไม่รับผิดชอบ มุ่งสร้างกระแส ยอดไลก์ และรายได้ โดยแชร์ข้อมูลที่ไม่ตรวจสอบหรือปลุกปั่นอารมณ์ ผลลัพธ์คือความแตกแยก ความเกลียดชัง และการบั่นทอนความเชื่อมั่นในสถาบัน ขณะเดียวกันบางคนสร้างภาพลักษณ์เกินจริง ตั้งฉายาเสริมบารมี จนผู้ติดตามหลงเชื่อ

    แต่ก็มีอินฟลูเอนเซอร์อีกจำนวนไม่น้อยที่ใช้พลังในทางสร้างสรรค์ เช่น ระดมทุนช่วยผู้เดือดร้อน เผยแพร่ความรู้ด้านสุขภาพ การศึกษา หรือสิ่งแวดล้อม แสดงให้เห็นว่าอิทธิพลออนไลน์สามารถเป็นพลังบวกได้

    ปัญหานี้ไม่ได้อยู่ที่อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายเดียว แต่ยังสะท้อนโครงสร้างแพลตฟอร์มที่ให้รางวัลกับคอนเทนต์เร้าอารมณ์ และการสื่อสารภาครัฐที่ล่าช้า ขาดความน่าเชื่อถือ ทำให้ประชาชนหันไปพึ่งอินฟลูเอนเซอร์แทน

    การแก้ปัญหาควรทำหลายระดับ

    อินฟลูเอนเซอร์ ต้องตระหนักถึงความรับผิดชอบ ตรวจสอบข้อมูล และหลีกเลี่ยงการปลุกปั่น

    ประชาชน ต้องพัฒนาทักษะ “รู้เท่าทันสื่อ” ตั้งคำถามต่อข้อมูล ไม่แชร์โดยไม่คิด

    ภาครัฐ ต้องสื่อสารรวดเร็ว โปร่งใส และสร้างกลไกยกระดับมาตรฐานสื่อ รวมถึงกำหนดจรรยาบรรณและบทลงโทษที่ชัดเจน


    ท้ายที่สุด อินฟลูเอนเซอร์คือ “กระจกสะท้อนสังคม” หากเรายังให้ค่ากับคอนเทนต์ปลุกอารมณ์ไร้ข้อเท็จจริง ก็จะตอกย้ำความอ่อนแอ แต่หากสังคมยกย่องผู้ที่สื่อสารด้วยเหตุผลและความจริง อินฟลูเอนเซอร์ก็จะปรับตัวและกลายเป็นพลังสร้างสรรค์ได้
    คนไทยไว้ใจ “อินฟลูเอนเซอร์”? กระจกสะท้อนสังคมไทยยุคดิจิทัล [เรื่อง: สิรินภา เพิ่มสกุลสิน] ในยุคดิจิทัลที่ใครก็มีพื้นที่สื่อ อินฟลูเอนเซอร์จึงกลายเป็นผู้มีอิทธิพลต่อสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง ทั้งที่ไม่ได้มีตำแหน่งทางการ อำนาจของพวกเขามาจากผู้ติดตามและความเชื่อมั่นที่ได้รับ อย่างไรก็ตาม หลายคนใช้พื้นที่อย่างไม่รับผิดชอบ มุ่งสร้างกระแส ยอดไลก์ และรายได้ โดยแชร์ข้อมูลที่ไม่ตรวจสอบหรือปลุกปั่นอารมณ์ ผลลัพธ์คือความแตกแยก ความเกลียดชัง และการบั่นทอนความเชื่อมั่นในสถาบัน ขณะเดียวกันบางคนสร้างภาพลักษณ์เกินจริง ตั้งฉายาเสริมบารมี จนผู้ติดตามหลงเชื่อ แต่ก็มีอินฟลูเอนเซอร์อีกจำนวนไม่น้อยที่ใช้พลังในทางสร้างสรรค์ เช่น ระดมทุนช่วยผู้เดือดร้อน เผยแพร่ความรู้ด้านสุขภาพ การศึกษา หรือสิ่งแวดล้อม แสดงให้เห็นว่าอิทธิพลออนไลน์สามารถเป็นพลังบวกได้ ปัญหานี้ไม่ได้อยู่ที่อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายเดียว แต่ยังสะท้อนโครงสร้างแพลตฟอร์มที่ให้รางวัลกับคอนเทนต์เร้าอารมณ์ และการสื่อสารภาครัฐที่ล่าช้า ขาดความน่าเชื่อถือ ทำให้ประชาชนหันไปพึ่งอินฟลูเอนเซอร์แทน การแก้ปัญหาควรทำหลายระดับ อินฟลูเอนเซอร์ ต้องตระหนักถึงความรับผิดชอบ ตรวจสอบข้อมูล และหลีกเลี่ยงการปลุกปั่น ประชาชน ต้องพัฒนาทักษะ “รู้เท่าทันสื่อ” ตั้งคำถามต่อข้อมูล ไม่แชร์โดยไม่คิด ภาครัฐ ต้องสื่อสารรวดเร็ว โปร่งใส และสร้างกลไกยกระดับมาตรฐานสื่อ รวมถึงกำหนดจรรยาบรรณและบทลงโทษที่ชัดเจน ท้ายที่สุด อินฟลูเอนเซอร์คือ “กระจกสะท้อนสังคม” หากเรายังให้ค่ากับคอนเทนต์ปลุกอารมณ์ไร้ข้อเท็จจริง ก็จะตอกย้ำความอ่อนแอ แต่หากสังคมยกย่องผู้ที่สื่อสารด้วยเหตุผลและความจริง อินฟลูเอนเซอร์ก็จะปรับตัวและกลายเป็นพลังสร้างสรรค์ได้
    0 Comments 0 Shares 1K Views 0 Reviews
  • เกมพลิก! เขมรหมดงบ ประชาชนอพยพกลับบ้าน หลังอาเซียนแก้เกมหนัก และสหรัฐฯ ถอนตัว
    สถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาได้พลิกผันอย่างคาดไม่ถึง!

    ความจริงถูกเปิดเผย: ขณะที่กัมพูชาพยายามสร้างภาพว่าเป็นเหยื่อ แต่ไทยได้พาคณะทูตานุทูตและสื่อมวลชนกว่า 150 ชีวิต ลงพื้นที่เพื่อเปิดเผยความจริงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นในฝั่งไทย ทั้งจากร้านค้าที่ถูกทำลายและประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ต้องเสียชีวิต ทำให้ประชาคมโลกได้เห็นว่าใครคือผู้รุกรานที่แท้จริง

    ชาวกัมพูชาอพยพกลับ: ประชาชนชาวกัมพูชาเกือบ 3 แสนคน ที่ต้องอพยพหนีภัยสงครามได้ทยอยเดินทางกลับบ้าน หลังจากรัฐบาลกัมพูชาประสบปัญหา ขาดงบประมาณ ในการดูแลและจัดหาอาหารเลี้ยงดูผู้ประสบภัย

    สหรัฐฯ ถอยทัพ: การที่กัมพูชาพยายามดึงสหรัฐฯ เข้ามาในภูมิภาค ทำให้เวียดนามและชาติสมาชิกอาเซียนส่วนใหญ่ไม่พอใจ และเมื่อรัสเซียเข้ามามีบทบาทร่วมกับลาวและเวียดนาม สหรัฐฯ ก็ตัดสินใจ "ชิ่งหนี" ปล่อยให้กัมพูชาต้องเผชิญชะตากรรมตามลำพัง

    บทเรียนราคาแพง: เหตุการณ์นี้เป็นเครื่องเตือนใจว่าการเมืองไม่ใช่เกมที่จะเอาชีวิตประชาชนมาเป็นตัวประกันได้ และสุดท้ายแล้ว "ความจริงจะชนะทุกอย่าง" เสมอ

    บทสรุปนี้สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวในการบริหารจัดการของรัฐบาลกัมพูชา และการถูกโดดเดี่ยวทางการเมืองในระดับภูมิภาค ทำให้เกมพลิกไปอย่างสิ้นเชิง

    #เขมรหมดงบ #อพยพกลับบ้าน #อาเซียนแก้เกม #อเมริกาทิ้งเขมร #รัสเซียแจมวง #ความจริงจะชนะทุกอย่าง
    เกมพลิก! เขมรหมดงบ ประชาชนอพยพกลับบ้าน หลังอาเซียนแก้เกมหนัก และสหรัฐฯ ถอนตัว สถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาได้พลิกผันอย่างคาดไม่ถึง! ความจริงถูกเปิดเผย: ขณะที่กัมพูชาพยายามสร้างภาพว่าเป็นเหยื่อ แต่ไทยได้พาคณะทูตานุทูตและสื่อมวลชนกว่า 150 ชีวิต ลงพื้นที่เพื่อเปิดเผยความจริงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นในฝั่งไทย ทั้งจากร้านค้าที่ถูกทำลายและประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ต้องเสียชีวิต ทำให้ประชาคมโลกได้เห็นว่าใครคือผู้รุกรานที่แท้จริง ชาวกัมพูชาอพยพกลับ: ประชาชนชาวกัมพูชาเกือบ 3 แสนคน ที่ต้องอพยพหนีภัยสงครามได้ทยอยเดินทางกลับบ้าน หลังจากรัฐบาลกัมพูชาประสบปัญหา ขาดงบประมาณ ในการดูแลและจัดหาอาหารเลี้ยงดูผู้ประสบภัย สหรัฐฯ ถอยทัพ: การที่กัมพูชาพยายามดึงสหรัฐฯ เข้ามาในภูมิภาค ทำให้เวียดนามและชาติสมาชิกอาเซียนส่วนใหญ่ไม่พอใจ และเมื่อรัสเซียเข้ามามีบทบาทร่วมกับลาวและเวียดนาม สหรัฐฯ ก็ตัดสินใจ "ชิ่งหนี" ปล่อยให้กัมพูชาต้องเผชิญชะตากรรมตามลำพัง บทเรียนราคาแพง: เหตุการณ์นี้เป็นเครื่องเตือนใจว่าการเมืองไม่ใช่เกมที่จะเอาชีวิตประชาชนมาเป็นตัวประกันได้ และสุดท้ายแล้ว "ความจริงจะชนะทุกอย่าง" เสมอ บทสรุปนี้สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวในการบริหารจัดการของรัฐบาลกัมพูชา และการถูกโดดเดี่ยวทางการเมืองในระดับภูมิภาค ทำให้เกมพลิกไปอย่างสิ้นเชิง #เขมรหมดงบ #อพยพกลับบ้าน #อาเซียนแก้เกม #อเมริกาทิ้งเขมร #รัสเซียแจมวง #ความจริงจะชนะทุกอย่าง
    0 Comments 0 Shares 5K Views 0 Reviews
  • #TruthFromThailand. #กัมพูชายิงก่อน #เขมรยิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด ความจริงที่ปรากฏต่อหน้าต่อตา ฑูต ฑูตทหาร จนท ฑูต สื่อ ตปท ราว 200 คน #ฮุนเซนและฮุนมาเนต คือ #อาชากรสงคราม
    #TruthFromThailand. #กัมพูชายิงก่อน #เขมรยิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด ความจริงที่ปรากฏต่อหน้าต่อตา ฑูต ฑูตทหาร จนท ฑูต สื่อ ตปท ราว 200 คน #ฮุนเซนและฮุนมาเนต คือ #อาชากรสงคราม✅✅✅
    0 Comments 0 Shares 4K Views 0 Reviews
  • วันนี้เลยสดๆร้อนๆ มีคนเขมรจำนวนมากมาขอข้าวเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยกิน
    วันนี้เลยสดๆร้อนๆ มีคนเขมรจำนวนมากมาขอข้าวเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยกิน
    0 Comments 0 Shares 1K Views 0 Reviews
More Results
fornote https://fornote.in.th