คนเอเชียเปย์เรื่อง ‘ความงาม’ มากที่สุด
‘ฟิลเลอร์-โบท็อกซ์’ เป็นตัวเลือกแรกๆ ที่ทำ
.
พอพูดเรื่องการเสริมความงามหลายคนน่าจะคิดถึงการศัลยกรรมหรือการผ่าตัดไปเลยเพราะในสมัยก่อนเทคโนโลยียังไม่แพร่หลายเท่าตอนนี้ แต่ตอนนี้คำนิยามของการเสริมความงามเปลี่ยนไป คนมีตัวเลือกเยอะขึ้น การเสริมความมั่นใจไม่ต้องพึ่งมีดหมอ แต่เปลี่ยนเป็นการฉีดแทน
.
การสำรวจ Health & Wellness Survey ปี 2023 ของธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดข้อมูลว่า ราวๆ 11% ของคน Gen Z (อายุ 12–27 ปี) และ 9% ของ Gen Y (อายุ 28–43 ปี) ให้ความสำคัญกับการทำหัตถการความงาม ก็คือ การเสริมความงามด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ เช่น การเลเซอร์, การฉีดวิตามินสู่ผิว, โบท็อกซ์, ฟิลเลอร์, ร้อยไหม เป็นต้น
.
Medconsult Clinic คลินิกเวชกรรมทั่วไปที่เปิดในประเทศไทยมา 21 ปีแล้ว (ตั้งแต่ปี 2003) โดยดร.ดอนน่า โรบินสัน ผู้ก่อตั้งและ CEO เป็นแพทย์ที่ผ่านการฝึกอบรมจากสหราชอาณาจักร (UK) และมีประสบการณ์มากกว่า 35 ปีในหลายประเทศ เธอให้ข้อมูลเกี่ยวกับเทรนด์ความงามในปัจจุบันว่าตอนนี้มีวิธีไหนที่คนนิยมมากที่สุด
.
4 ด้านหลักๆ ที่คนไทยทำมากที่สุดตอนนี้ คือ
ฟิลเลอร์
โบท็อกซ์
การชะลอผิวหนัง
ร้อยไหม
.
[ คนเอเชียเป็น top spender ด้านความงาม ]
.
ดร.ดอนน่า เล่าอีกว่า “คนเอเชียเป็น top spender จ่ายหนัก จ่ายสุดในเรื่องของการเสริมความงาม อย่างลูกค้าของคลินิก 70% เป็นคนเอเชีย โดยเฉพาะฮ่องกง, จีน, ไต้หวัน, ออสเตรเลีย ส่วนสหรัฐอเมริกาก็ถือว่าให้ความสำคัญกับการเสริมความงามแบบหัตถการมากขึ้น”
.
“ลูกค้าส่วนใหญ่ของคลินิกที่เป็นคนต่างชาติจะมีทั้ง ชาวต่างชาติที่ทำงานในไทย(expats) และนักท่องเที่ยวที่มาไทย”
.
นอกจากนี้ ในภาพรวมของการเติบโตของตลาดความงาม ดร.ดอนน่าบอกว่า เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10% ทุกปีในช่วง 10 ปีย้อนหลัง และเทรนด์สำคัญที่เริ่มเห็นมากขึ้นเช่นกัน ก็คือ ‘ผู้ชาย’ ก็ให้ความสำคัญกับการเสริมความงามแบบนี้ด้วย เช่น โบท็อกซ์ และฉีดฟิลเลอร์
.
ธุรกิจบริการหัตถการเสริมความงามใน ‘ผู้ใหญ่’ จะเน้นเพื่อรักษาและบำรุงผิวมากที่สุด โดยค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งพวกเขายอมจ่ายในราคาไม่เกิน 5,000 บาทต่อครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นเกณฑ์ที่สมเหตุสมผลต่อผู้ให้บริการและผู้รับบริการ
.
ขณะที่ข้อมูลของ SCBEIC ระบุว่า อัตราการเติบโตตลาดเวชศาสตร์ความงามในไทย ช่วงปี 2022-2030 เฉลี่ยโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) 10% และก็ยังมีผู้ที่ยังไม่เคยใช้บริการมากถึง 24% ถือว่าเป็นโอกาสที่จะทำให้คนกลุ่มนี้เปิดใจได้ หากเลือกใช้การตลาดที่เหมาะสมและดึงดูดพอ
.
#TODAYBizview
#MakeTomorrowTODAY
‘ฟิลเลอร์-โบท็อกซ์’ เป็นตัวเลือกแรกๆ ที่ทำ
.
พอพูดเรื่องการเสริมความงามหลายคนน่าจะคิดถึงการศัลยกรรมหรือการผ่าตัดไปเลยเพราะในสมัยก่อนเทคโนโลยียังไม่แพร่หลายเท่าตอนนี้ แต่ตอนนี้คำนิยามของการเสริมความงามเปลี่ยนไป คนมีตัวเลือกเยอะขึ้น การเสริมความมั่นใจไม่ต้องพึ่งมีดหมอ แต่เปลี่ยนเป็นการฉีดแทน
.
การสำรวจ Health & Wellness Survey ปี 2023 ของธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดข้อมูลว่า ราวๆ 11% ของคน Gen Z (อายุ 12–27 ปี) และ 9% ของ Gen Y (อายุ 28–43 ปี) ให้ความสำคัญกับการทำหัตถการความงาม ก็คือ การเสริมความงามด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ เช่น การเลเซอร์, การฉีดวิตามินสู่ผิว, โบท็อกซ์, ฟิลเลอร์, ร้อยไหม เป็นต้น
.
Medconsult Clinic คลินิกเวชกรรมทั่วไปที่เปิดในประเทศไทยมา 21 ปีแล้ว (ตั้งแต่ปี 2003) โดยดร.ดอนน่า โรบินสัน ผู้ก่อตั้งและ CEO เป็นแพทย์ที่ผ่านการฝึกอบรมจากสหราชอาณาจักร (UK) และมีประสบการณ์มากกว่า 35 ปีในหลายประเทศ เธอให้ข้อมูลเกี่ยวกับเทรนด์ความงามในปัจจุบันว่าตอนนี้มีวิธีไหนที่คนนิยมมากที่สุด
.
4 ด้านหลักๆ ที่คนไทยทำมากที่สุดตอนนี้ คือ
ฟิลเลอร์
โบท็อกซ์
การชะลอผิวหนัง
ร้อยไหม
.
[ คนเอเชียเป็น top spender ด้านความงาม ]
.
ดร.ดอนน่า เล่าอีกว่า “คนเอเชียเป็น top spender จ่ายหนัก จ่ายสุดในเรื่องของการเสริมความงาม อย่างลูกค้าของคลินิก 70% เป็นคนเอเชีย โดยเฉพาะฮ่องกง, จีน, ไต้หวัน, ออสเตรเลีย ส่วนสหรัฐอเมริกาก็ถือว่าให้ความสำคัญกับการเสริมความงามแบบหัตถการมากขึ้น”
.
“ลูกค้าส่วนใหญ่ของคลินิกที่เป็นคนต่างชาติจะมีทั้ง ชาวต่างชาติที่ทำงานในไทย(expats) และนักท่องเที่ยวที่มาไทย”
.
นอกจากนี้ ในภาพรวมของการเติบโตของตลาดความงาม ดร.ดอนน่าบอกว่า เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10% ทุกปีในช่วง 10 ปีย้อนหลัง และเทรนด์สำคัญที่เริ่มเห็นมากขึ้นเช่นกัน ก็คือ ‘ผู้ชาย’ ก็ให้ความสำคัญกับการเสริมความงามแบบนี้ด้วย เช่น โบท็อกซ์ และฉีดฟิลเลอร์
.
ธุรกิจบริการหัตถการเสริมความงามใน ‘ผู้ใหญ่’ จะเน้นเพื่อรักษาและบำรุงผิวมากที่สุด โดยค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งพวกเขายอมจ่ายในราคาไม่เกิน 5,000 บาทต่อครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นเกณฑ์ที่สมเหตุสมผลต่อผู้ให้บริการและผู้รับบริการ
.
ขณะที่ข้อมูลของ SCBEIC ระบุว่า อัตราการเติบโตตลาดเวชศาสตร์ความงามในไทย ช่วงปี 2022-2030 เฉลี่ยโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) 10% และก็ยังมีผู้ที่ยังไม่เคยใช้บริการมากถึง 24% ถือว่าเป็นโอกาสที่จะทำให้คนกลุ่มนี้เปิดใจได้ หากเลือกใช้การตลาดที่เหมาะสมและดึงดูดพอ
.
#TODAYBizview
#MakeTomorrowTODAY
คนเอเชียเปย์เรื่อง ‘ความงาม’ มากที่สุด
‘ฟิลเลอร์-โบท็อกซ์’ เป็นตัวเลือกแรกๆ ที่ทำ
.
พอพูดเรื่องการเสริมความงามหลายคนน่าจะคิดถึงการศัลยกรรมหรือการผ่าตัดไปเลยเพราะในสมัยก่อนเทคโนโลยียังไม่แพร่หลายเท่าตอนนี้ แต่ตอนนี้คำนิยามของการเสริมความงามเปลี่ยนไป คนมีตัวเลือกเยอะขึ้น การเสริมความมั่นใจไม่ต้องพึ่งมีดหมอ แต่เปลี่ยนเป็นการฉีดแทน
.
การสำรวจ Health & Wellness Survey ปี 2023 ของธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดข้อมูลว่า ราวๆ 11% ของคน Gen Z (อายุ 12–27 ปี) และ 9% ของ Gen Y (อายุ 28–43 ปี) ให้ความสำคัญกับการทำหัตถการความงาม ก็คือ การเสริมความงามด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ เช่น การเลเซอร์, การฉีดวิตามินสู่ผิว, โบท็อกซ์, ฟิลเลอร์, ร้อยไหม เป็นต้น
.
Medconsult Clinic คลินิกเวชกรรมทั่วไปที่เปิดในประเทศไทยมา 21 ปีแล้ว (ตั้งแต่ปี 2003) โดยดร.ดอนน่า โรบินสัน ผู้ก่อตั้งและ CEO เป็นแพทย์ที่ผ่านการฝึกอบรมจากสหราชอาณาจักร (UK) และมีประสบการณ์มากกว่า 35 ปีในหลายประเทศ เธอให้ข้อมูลเกี่ยวกับเทรนด์ความงามในปัจจุบันว่าตอนนี้มีวิธีไหนที่คนนิยมมากที่สุด
.
4 ด้านหลักๆ ที่คนไทยทำมากที่สุดตอนนี้ คือ
ฟิลเลอร์
โบท็อกซ์
การชะลอผิวหนัง
ร้อยไหม
.
[ คนเอเชียเป็น top spender ด้านความงาม ]
.
ดร.ดอนน่า เล่าอีกว่า “คนเอเชียเป็น top spender จ่ายหนัก จ่ายสุดในเรื่องของการเสริมความงาม อย่างลูกค้าของคลินิก 70% เป็นคนเอเชีย โดยเฉพาะฮ่องกง, จีน, ไต้หวัน, ออสเตรเลีย ส่วนสหรัฐอเมริกาก็ถือว่าให้ความสำคัญกับการเสริมความงามแบบหัตถการมากขึ้น”
.
“ลูกค้าส่วนใหญ่ของคลินิกที่เป็นคนต่างชาติจะมีทั้ง ชาวต่างชาติที่ทำงานในไทย(expats) และนักท่องเที่ยวที่มาไทย”
.
นอกจากนี้ ในภาพรวมของการเติบโตของตลาดความงาม ดร.ดอนน่าบอกว่า เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10% ทุกปีในช่วง 10 ปีย้อนหลัง และเทรนด์สำคัญที่เริ่มเห็นมากขึ้นเช่นกัน ก็คือ ‘ผู้ชาย’ ก็ให้ความสำคัญกับการเสริมความงามแบบนี้ด้วย เช่น โบท็อกซ์ และฉีดฟิลเลอร์
.
ธุรกิจบริการหัตถการเสริมความงามใน ‘ผู้ใหญ่’ จะเน้นเพื่อรักษาและบำรุงผิวมากที่สุด โดยค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งพวกเขายอมจ่ายในราคาไม่เกิน 5,000 บาทต่อครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นเกณฑ์ที่สมเหตุสมผลต่อผู้ให้บริการและผู้รับบริการ
.
ขณะที่ข้อมูลของ SCBEIC ระบุว่า อัตราการเติบโตตลาดเวชศาสตร์ความงามในไทย ช่วงปี 2022-2030 เฉลี่ยโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) 10% และก็ยังมีผู้ที่ยังไม่เคยใช้บริการมากถึง 24% ถือว่าเป็นโอกาสที่จะทำให้คนกลุ่มนี้เปิดใจได้ หากเลือกใช้การตลาดที่เหมาะสมและดึงดูดพอ
.
#TODAYBizview
#MakeTomorrowTODAY
0 Comments
0 Shares
2K Views
0 Reviews