Sponsored
  • เชิญชวนพี่น้องบ้านเจริญมาศ หมู่ 9 ตำบลลำปลายมาศ

    เย็นนี้ขอเชิญทุกท่าน ร่วมงานลอยกระทงประจำปี ณ บริเวณหน้าเทศบาลเมืองลำปลายมาศ
    นอกจากจะได้ร่วมสืบสานประเพณีไทยอันงดงามแล้ว ยังมีการแสดง นางรำ ฟ้อนรำถวายความอาลัยแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อันทรงคุณค่าและเปี่ยมด้วยความจงรักภักดี

    ขอเชิญพ่อค้าแม่ขายในหมู่บ้าน ร่วมทำกระทงไปจำหน่ายที่งานเทศบาลด้วยนะครับ
    ปีนี้บรรยากาศคึกคักแน่นอน เพราะมีทั้ง นางรำจากหมู่บ้านเรา และ โครงการคนละครึ่ง
    ถือเป็น “กระทงคนละครึ่ง” ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนของเราให้คึกคักมากยิ่งขึ้น

    มาร่วมกันสร้างสีสัน ส่งเสริมเศรษฐกิจหมู่บ้าน และร่วมอนุรักษ์ประเพณีไทยไปด้วยกันครับ
    #บ้านเจริญมาศหมู่9 #ลอยกระทงลำปลายมาศ #กระทงคนละครึ่ง
    📣 เชิญชวนพี่น้องบ้านเจริญมาศ หมู่ 9 ตำบลลำปลายมาศ เย็นนี้ขอเชิญทุกท่าน ร่วมงานลอยกระทงประจำปี ณ บริเวณหน้าเทศบาลเมืองลำปลายมาศ นอกจากจะได้ร่วมสืบสานประเพณีไทยอันงดงามแล้ว ยังมีการแสดง นางรำ ฟ้อนรำถวายความอาลัยแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อันทรงคุณค่าและเปี่ยมด้วยความจงรักภักดี 🌕 ขอเชิญพ่อค้าแม่ขายในหมู่บ้าน ร่วมทำกระทงไปจำหน่ายที่งานเทศบาลด้วยนะครับ ปีนี้บรรยากาศคึกคักแน่นอน เพราะมีทั้ง นางรำจากหมู่บ้านเรา และ โครงการคนละครึ่ง ถือเป็น “กระทงคนละครึ่ง” ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนของเราให้คึกคักมากยิ่งขึ้น 💦 มาร่วมกันสร้างสีสัน ส่งเสริมเศรษฐกิจหมู่บ้าน และร่วมอนุรักษ์ประเพณีไทยไปด้วยกันครับ #บ้านเจริญมาศหมู่9 #ลอยกระทงลำปลายมาศ #กระทงคนละครึ่ง
    0 Comments 0 Shares 2K Views 0 Reviews
  • “คนละครึ่งพลัส” ความหวังใหม่ของพ่อค้าแม่ค้า ชาวตลาด

    ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สำหรับพ่อค้าแม่ค้าชาวบ้านร้านตลาด
    เราผ่านวิกฤตเศรษฐกิจมาได้ ก็เพราะมีโครงการดี ๆ อย่าง
    “ชิมช้อปใช้” และ “คนละครึ่ง”
    ที่ช่วยพยุงรายได้ให้หมุนเวียน เกิดการจับจ่ายในชุมชน

    แต่เมื่อโครงการเหล่านี้หายไป ผู้ประกอบการรายเล็กต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาอย่างโดดเดี่ยว
    วันนี้...ความหวังได้กลับมาอีกครั้ง
    โครงการ “คนละครึ่งพลัส”
    เพียงแค่ใกล้ถึงวันเปิดโครงการ ก็เห็นได้ชัดว่าการซื้อขายเริ่มคึกคักขึ้นอีกครั้ง

    ฝ่ายปกครองตำบลลำปลายมาศ
    ขอเชิญชวนผู้ประกอบการร้านค้าทุกท่าน
    เข้าร่วมโครงการ เปิดแอป “ถุงเงิน” เพื่อรองรับ “แอปเป๋าตัง”
    ให้สอดคล้องกันในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของเรา

    ทีมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านตำบลลำปลายมาศ
    พร้อมร่วมผลักดัน สนับสนุน และให้บริการแก่พ่อค้าแม่ค้าทุกท่านครับ

    #คนละครึ่งพลัส #เศรษฐกิจชุมชน #ตลาดลำปลายมาศคึกคักอีกครั้ง
    “คนละครึ่งพลัส” ความหวังใหม่ของพ่อค้าแม่ค้า ชาวตลาด ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สำหรับพ่อค้าแม่ค้าชาวบ้านร้านตลาด เราผ่านวิกฤตเศรษฐกิจมาได้ ก็เพราะมีโครงการดี ๆ อย่าง “ชิมช้อปใช้” และ “คนละครึ่ง” ที่ช่วยพยุงรายได้ให้หมุนเวียน เกิดการจับจ่ายในชุมชน แต่เมื่อโครงการเหล่านี้หายไป ผู้ประกอบการรายเล็กต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาอย่างโดดเดี่ยว วันนี้...ความหวังได้กลับมาอีกครั้ง โครงการ “คนละครึ่งพลัส” เพียงแค่ใกล้ถึงวันเปิดโครงการ ก็เห็นได้ชัดว่าการซื้อขายเริ่มคึกคักขึ้นอีกครั้ง ฝ่ายปกครองตำบลลำปลายมาศ ขอเชิญชวนผู้ประกอบการร้านค้าทุกท่าน เข้าร่วมโครงการ เปิดแอป “ถุงเงิน” เพื่อรองรับ “แอปเป๋าตัง” ให้สอดคล้องกันในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของเรา ทีมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านตำบลลำปลายมาศ พร้อมร่วมผลักดัน สนับสนุน และให้บริการแก่พ่อค้าแม่ค้าทุกท่านครับ #คนละครึ่งพลัส #เศรษฐกิจชุมชน #ตลาดลำปลายมาศคึกคักอีกครั้ง
    0 Comments 0 Shares 1K Views 0 Reviews
  • 21 ตุลาคม 2568 เวลา 04.30 น.
    เช้าตรู่วันนี้ ได้ออกเดินพบปะแม่ค้าพ่อค้าในตลาดสดเทศบาล
    เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่งพลัส”
    ให้คำแนะนำขั้นตอนการสมัครร้านค้า
    ตรวจสอบความพร้อมของแอป “ถุงเงิน”
    และรับฟังข้อเสนอแนะจากพ่อค้าแม่ค้าโดยตรง

    ร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง
    #คนละครึ่งพลัส #ตลาดสดลำปลายมาศ #ผู้ใหญ่บ้านหมู่9 #ผู้ใหญ่ธรรมราช #ผู้ใหญ่บ้านเจริญมาศ
    21 ตุลาคม 2568 เวลา 04.30 น. เช้าตรู่วันนี้ ได้ออกเดินพบปะแม่ค้าพ่อค้าในตลาดสดเทศบาล เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ให้คำแนะนำขั้นตอนการสมัครร้านค้า ตรวจสอบความพร้อมของแอป “ถุงเงิน” และรับฟังข้อเสนอแนะจากพ่อค้าแม่ค้าโดยตรง ร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง #คนละครึ่งพลัส #ตลาดสดลำปลายมาศ #ผู้ใหญ่บ้านหมู่9 #ผู้ใหญ่ธรรมราช #ผู้ใหญ่บ้านเจริญมาศ
    0 Comments 0 Shares 1K Views 0 Reviews

  • แบบแผนปฏิบัติการชุมชนปลอดถังขยะ 100%

    บ้านเจริญมาศ หมู่ 9 ต.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์


    ---

    1. เป้าหมาย

    ลดการพึ่งพาถังขยะกลางให้หมด 100%

    ส่งเสริมให้ครัวเรือนทุกหลังคาเรือนจัดการขยะเอง

    ใช้ ธนาคารขยะ เป็นศูนย์กลางทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจชุมชน



    ---

    2. เงื่อนไขสำคัญ

    1. ครัวเรือนที่ เข้าร่วมโครงการธนาคารขยะ ต้องปฏิบัติตามกติกาแยกขยะครบทุกประเภท


    2. ครัวเรือนที่มีบัญชีธนาคารขยะและมีประวัติการส่งขยะสม่ำเสมอ จะ ได้รับสิทธิ์กู้เงินจากกองทุนหมู่บ้าน (กทบ.) ขั้นต่ำ 5,000 บาทขึ้นไป

    เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนค้าขาย ปรับปรุงบ้าน หรือกิจการเล็ก ๆ

    ใช้บัญชีธนาคารขยะเป็น “เอกสารยืนยัน” ว่าเข้าร่วมจริง



    3. หากครัวเรือนไม่ปฏิบัติตาม (ไม่แยกขยะ, ไม่ส่งขยะตามรอบ) จะ ถูกระงับสิทธิ์การกู้ กทบ. จนกว่าจะกลับมาเข้าร่วมตามกติกา




    ---

    3. การแบ่งประเภทขยะ

    รีไซเคิล → ส่งให้ธนาคารขยะ มีการบันทึกลงบัญชี

    อินทรีย์ → ทำปุ๋ยหมักที่บ้าน หรือร่วมกับศูนย์กลางหมู่บ้าน

    อันตราย → นำไปทิ้งที่จุดรับกลางหมู่บ้าน

    🗑 ทั่วไป → จัดเก็บแยก รอรถเก็บเฉพาะเดือนละครั้ง



    ---

    4. ขั้นตอนดำเนินงาน

    ระยะที่ 1: การเตรียมการ (1–2 เดือน)

    จัดประชุมหมู่บ้าน อธิบายโครงการและเงื่อนไขสิทธิ์กู้เงิน

    ลงทะเบียนเปิดบัญชีธนาคารขยะ → ใช้เป็น “บัตรผ่านสิทธิ์กู้เงิน”

    ประสานงานคณะกรรมการ กทบ. เพื่อรับรองเงื่อนไข


    ระยะที่ 2: ทดลองนำร่อง (3–4 เดือน)

    บ้านตัวอย่าง 20 หลังเริ่มทำจริง → ตรวจสอบการแยกขยะและบันทึกบัญชี

    ครัวเรือนต้นแบบสามารถยื่นกู้ กทบ. ได้เป็นชุดแรก


    ระยะที่ 3: ขยายผลทั้งหมู่บ้าน (5–12 เดือน)

    ทุกครัวเรือนต้องเปิดบัญชีธนาคารขยะ

    ผู้ที่ไม่เข้าร่วมจะ ไม่มีสิทธิ์กู้เงินจากกองทุนหมู่บ้าน

    ลดถังขยะกลางออกทีละจุด



    ---

    5. กลไกสนับสนุน

    ธนาคารขยะ → บัญชีทุกครัวเรือน = เงื่อนไขกู้เงิน

    กองทุนหมู่บ้าน (กทบ.) → ปล่อยกู้ขั้นต่ำ 5,000 บาท สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการ

    ผู้ใหญ่บ้านและคณะกรรมการ → ตรวจสอบและติดตามการปฏิบัติ



    ---

    6. ผลที่คาดว่าจะได้รับ

    ชุมชนสะอาด ไร้ถังขยะกลาง
    ครัวเรือนได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ (ทั้งขายขยะและกู้เงินได้)
    การจัดการขยะผูกโยงกับ ความมั่นคงทางการเงิน ของชาวบ้าน
    กลายเป็น ชุมชนต้นแบบ ที่ทำสำเร็จทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ


    ---

    เงื่อนไขนี้ทำให้ ธนาคารขยะ = กุญแจสำคัญ ของการเข้าถึงเงินกู้ กทบ.
    เป็นแรงจูงใจที่เข้มข้น ชาวบ้านแทบทุกครัวเรือนจะต้องเข้าร่วมครับ
    📌 แบบแผนปฏิบัติการชุมชนปลอดถังขยะ 100% บ้านเจริญมาศ หมู่ 9 ต.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ --- 1. เป้าหมาย ลดการพึ่งพาถังขยะกลางให้หมด 100% ส่งเสริมให้ครัวเรือนทุกหลังคาเรือนจัดการขยะเอง ใช้ ธนาคารขยะ เป็นศูนย์กลางทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจชุมชน --- 2. เงื่อนไขสำคัญ 1. ครัวเรือนที่ เข้าร่วมโครงการธนาคารขยะ ต้องปฏิบัติตามกติกาแยกขยะครบทุกประเภท 2. ครัวเรือนที่มีบัญชีธนาคารขยะและมีประวัติการส่งขยะสม่ำเสมอ จะ ได้รับสิทธิ์กู้เงินจากกองทุนหมู่บ้าน (กทบ.) ขั้นต่ำ 5,000 บาทขึ้นไป เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนค้าขาย ปรับปรุงบ้าน หรือกิจการเล็ก ๆ ใช้บัญชีธนาคารขยะเป็น “เอกสารยืนยัน” ว่าเข้าร่วมจริง 3. หากครัวเรือนไม่ปฏิบัติตาม (ไม่แยกขยะ, ไม่ส่งขยะตามรอบ) จะ ถูกระงับสิทธิ์การกู้ กทบ. จนกว่าจะกลับมาเข้าร่วมตามกติกา --- 3. การแบ่งประเภทขยะ ♻️ รีไซเคิล → ส่งให้ธนาคารขยะ มีการบันทึกลงบัญชี 🌱 อินทรีย์ → ทำปุ๋ยหมักที่บ้าน หรือร่วมกับศูนย์กลางหมู่บ้าน ☣️ อันตราย → นำไปทิ้งที่จุดรับกลางหมู่บ้าน 🗑 ทั่วไป → จัดเก็บแยก รอรถเก็บเฉพาะเดือนละครั้ง --- 4. ขั้นตอนดำเนินงาน ระยะที่ 1: การเตรียมการ (1–2 เดือน) จัดประชุมหมู่บ้าน อธิบายโครงการและเงื่อนไขสิทธิ์กู้เงิน ลงทะเบียนเปิดบัญชีธนาคารขยะ → ใช้เป็น “บัตรผ่านสิทธิ์กู้เงิน” ประสานงานคณะกรรมการ กทบ. เพื่อรับรองเงื่อนไข ระยะที่ 2: ทดลองนำร่อง (3–4 เดือน) บ้านตัวอย่าง 20 หลังเริ่มทำจริง → ตรวจสอบการแยกขยะและบันทึกบัญชี ครัวเรือนต้นแบบสามารถยื่นกู้ กทบ. ได้เป็นชุดแรก ระยะที่ 3: ขยายผลทั้งหมู่บ้าน (5–12 เดือน) ทุกครัวเรือนต้องเปิดบัญชีธนาคารขยะ ผู้ที่ไม่เข้าร่วมจะ ไม่มีสิทธิ์กู้เงินจากกองทุนหมู่บ้าน ลดถังขยะกลางออกทีละจุด --- 5. กลไกสนับสนุน ธนาคารขยะ → บัญชีทุกครัวเรือน = เงื่อนไขกู้เงิน กองทุนหมู่บ้าน (กทบ.) → ปล่อยกู้ขั้นต่ำ 5,000 บาท สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการ ผู้ใหญ่บ้านและคณะกรรมการ → ตรวจสอบและติดตามการปฏิบัติ --- 6. ผลที่คาดว่าจะได้รับ ✅ ชุมชนสะอาด ไร้ถังขยะกลาง ✅ ครัวเรือนได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ (ทั้งขายขยะและกู้เงินได้) ✅ การจัดการขยะผูกโยงกับ ความมั่นคงทางการเงิน ของชาวบ้าน ✅ กลายเป็น ชุมชนต้นแบบ ที่ทำสำเร็จทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ --- 📌 เงื่อนไขนี้ทำให้ ธนาคารขยะ = กุญแจสำคัญ ของการเข้าถึงเงินกู้ กทบ. เป็นแรงจูงใจที่เข้มข้น ชาวบ้านแทบทุกครัวเรือนจะต้องเข้าร่วมครับ
    0 Comments 0 Shares 841 Views 0 Reviews

  • แบบแผนปฏิบัติการชุมชนปลอดถังขยะ 100%

    บ้านเจริญมาศ หมู่ 9 ต.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์


    ---

    1. เป้าหมาย

    ลดการพึ่งพาถังขยะกลางให้หมด 100%

    ส่งเสริมให้ครัวเรือนทุกหลังคาเรือนจัดการขยะเอง

    ใช้ ธนาคารขยะ เป็นศูนย์กลางทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจชุมชน



    ---

    2. เงื่อนไขสำคัญ

    1. ครัวเรือนที่ เข้าร่วมโครงการธนาคารขยะ ต้องปฏิบัติตามกติกาแยกขยะครบทุกประเภท


    2. ครัวเรือนที่มีบัญชีธนาคารขยะและมีประวัติการส่งขยะสม่ำเสมอ จะ ได้รับสิทธิ์กู้เงินจากกองทุนหมู่บ้าน (กทบ.) ขั้นต่ำ 5,000 บาทขึ้นไป

    เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนค้าขาย ปรับปรุงบ้าน หรือกิจการเล็ก ๆ

    ใช้บัญชีธนาคารขยะเป็น “เอกสารยืนยัน” ว่าเข้าร่วมจริง



    3. หากครัวเรือนไม่ปฏิบัติตาม (ไม่แยกขยะ, ไม่ส่งขยะตามรอบ) จะ ถูกระงับสิทธิ์การกู้ กทบ. จนกว่าจะกลับมาเข้าร่วมตามกติกา




    ---

    3. การแบ่งประเภทขยะ

    รีไซเคิล → ส่งให้ธนาคารขยะ มีการบันทึกลงบัญชี

    อินทรีย์ → ทำปุ๋ยหมักที่บ้าน หรือร่วมกับศูนย์กลางหมู่บ้าน

    อันตราย → นำไปทิ้งที่จุดรับกลางหมู่บ้าน

    🗑 ทั่วไป → จัดเก็บแยก รอรถเก็บเฉพาะเดือนละครั้ง



    ---

    4. ขั้นตอนดำเนินงาน

    ระยะที่ 1: การเตรียมการ (1–2 เดือน)

    จัดประชุมหมู่บ้าน อธิบายโครงการและเงื่อนไขสิทธิ์กู้เงิน

    ลงทะเบียนเปิดบัญชีธนาคารขยะ → ใช้เป็น “บัตรผ่านสิทธิ์กู้เงิน”

    ประสานงานคณะกรรมการ กทบ. เพื่อรับรองเงื่อนไข


    ระยะที่ 2: ทดลองนำร่อง (3–4 เดือน)

    บ้านตัวอย่าง 20 หลังเริ่มทำจริง → ตรวจสอบการแยกขยะและบันทึกบัญชี

    ครัวเรือนต้นแบบสามารถยื่นกู้ กทบ. ได้เป็นชุดแรก


    ระยะที่ 3: ขยายผลทั้งหมู่บ้าน (5–12 เดือน)

    ทุกครัวเรือนต้องเปิดบัญชีธนาคารขยะ

    ผู้ที่ไม่เข้าร่วมจะ ไม่มีสิทธิ์กู้เงินจากกองทุนหมู่บ้าน

    ลดถังขยะกลางออกทีละจุด



    ---

    5. กลไกสนับสนุน

    ธนาคารขยะ → บัญชีทุกครัวเรือน = เงื่อนไขกู้เงิน

    กองทุนหมู่บ้าน (กทบ.) → ปล่อยกู้ขั้นต่ำ 5,000 บาท สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการ

    ผู้ใหญ่บ้านและคณะกรรมการ → ตรวจสอบและติดตามการปฏิบัติ



    ---

    6. ผลที่คาดว่าจะได้รับ

    ชุมชนสะอาด ไร้ถังขยะกลาง
    ครัวเรือนได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ (ทั้งขายขยะและกู้เงินได้)
    การจัดการขยะผูกโยงกับ ความมั่นคงทางการเงิน ของชาวบ้าน
    กลายเป็น ชุมชนต้นแบบ ที่ทำสำเร็จทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ


    ---

    เงื่อนไขนี้ทำให้ ธนาคารขยะ = กุญแจสำคัญ ของการเข้าถึงเงินกู้ กทบ.
    เป็นแรงจูงใจที่เข้มข้น ชาวบ้านแทบทุกครัวเรือนจะต้องเข้าร่วมครับ
    📌 แบบแผนปฏิบัติการชุมชนปลอดถังขยะ 100% บ้านเจริญมาศ หมู่ 9 ต.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ --- 1. เป้าหมาย ลดการพึ่งพาถังขยะกลางให้หมด 100% ส่งเสริมให้ครัวเรือนทุกหลังคาเรือนจัดการขยะเอง ใช้ ธนาคารขยะ เป็นศูนย์กลางทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจชุมชน --- 2. เงื่อนไขสำคัญ 1. ครัวเรือนที่ เข้าร่วมโครงการธนาคารขยะ ต้องปฏิบัติตามกติกาแยกขยะครบทุกประเภท 2. ครัวเรือนที่มีบัญชีธนาคารขยะและมีประวัติการส่งขยะสม่ำเสมอ จะ ได้รับสิทธิ์กู้เงินจากกองทุนหมู่บ้าน (กทบ.) ขั้นต่ำ 5,000 บาทขึ้นไป เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนค้าขาย ปรับปรุงบ้าน หรือกิจการเล็ก ๆ ใช้บัญชีธนาคารขยะเป็น “เอกสารยืนยัน” ว่าเข้าร่วมจริง 3. หากครัวเรือนไม่ปฏิบัติตาม (ไม่แยกขยะ, ไม่ส่งขยะตามรอบ) จะ ถูกระงับสิทธิ์การกู้ กทบ. จนกว่าจะกลับมาเข้าร่วมตามกติกา --- 3. การแบ่งประเภทขยะ ♻️ รีไซเคิล → ส่งให้ธนาคารขยะ มีการบันทึกลงบัญชี 🌱 อินทรีย์ → ทำปุ๋ยหมักที่บ้าน หรือร่วมกับศูนย์กลางหมู่บ้าน ☣️ อันตราย → นำไปทิ้งที่จุดรับกลางหมู่บ้าน 🗑 ทั่วไป → จัดเก็บแยก รอรถเก็บเฉพาะเดือนละครั้ง --- 4. ขั้นตอนดำเนินงาน ระยะที่ 1: การเตรียมการ (1–2 เดือน) จัดประชุมหมู่บ้าน อธิบายโครงการและเงื่อนไขสิทธิ์กู้เงิน ลงทะเบียนเปิดบัญชีธนาคารขยะ → ใช้เป็น “บัตรผ่านสิทธิ์กู้เงิน” ประสานงานคณะกรรมการ กทบ. เพื่อรับรองเงื่อนไข ระยะที่ 2: ทดลองนำร่อง (3–4 เดือน) บ้านตัวอย่าง 20 หลังเริ่มทำจริง → ตรวจสอบการแยกขยะและบันทึกบัญชี ครัวเรือนต้นแบบสามารถยื่นกู้ กทบ. ได้เป็นชุดแรก ระยะที่ 3: ขยายผลทั้งหมู่บ้าน (5–12 เดือน) ทุกครัวเรือนต้องเปิดบัญชีธนาคารขยะ ผู้ที่ไม่เข้าร่วมจะ ไม่มีสิทธิ์กู้เงินจากกองทุนหมู่บ้าน ลดถังขยะกลางออกทีละจุด --- 5. กลไกสนับสนุน ธนาคารขยะ → บัญชีทุกครัวเรือน = เงื่อนไขกู้เงิน กองทุนหมู่บ้าน (กทบ.) → ปล่อยกู้ขั้นต่ำ 5,000 บาท สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการ ผู้ใหญ่บ้านและคณะกรรมการ → ตรวจสอบและติดตามการปฏิบัติ --- 6. ผลที่คาดว่าจะได้รับ ✅ ชุมชนสะอาด ไร้ถังขยะกลาง ✅ ครัวเรือนได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ (ทั้งขายขยะและกู้เงินได้) ✅ การจัดการขยะผูกโยงกับ ความมั่นคงทางการเงิน ของชาวบ้าน ✅ กลายเป็น ชุมชนต้นแบบ ที่ทำสำเร็จทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ --- 📌 เงื่อนไขนี้ทำให้ ธนาคารขยะ = กุญแจสำคัญ ของการเข้าถึงเงินกู้ กทบ. เป็นแรงจูงใจที่เข้มข้น ชาวบ้านแทบทุกครัวเรือนจะต้องเข้าร่วมครับ
    0 Comments 0 Shares 788 Views 0 Reviews
  • ทอง ทอง ทอง...
    ตลอดปีที่ผ่านมา ราคาทองคำพุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง จากปัจจัยดอกเบี้ยสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลง เงินดอลลาร์อ่อนค่า ความไม่แน่นอนทางการค้า–การเมืองโลก และแรงซื้อจากธนาคารกลาง-กองทุน ETF ทำให้ความต้องการทองคำพุ่ง โดยเฉพาะทองคำแท่งที่เพิ่มขึ้นกว่า 25–38% ในไทย ขณะที่ทองรูปพรรณลดลง

    ‘ฮั่วเซ่งเฮง’ ประเมินสิ้นปีทองคำอาจแตะ 3,780 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือราว 56,000 บาท/บาททองคำ พร้อมชี้กลยุทธ์ลงทุนทั้งแบบเก็งกำไรสั้นผ่านบัญชี FCD การสะสมทองแท่งระยะยาว และการออมทองออนไลน์

    นอกจากนี้ยังมีแผนผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางทองคำอาเซียน ด้วยการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม พัฒนาโลจิสติกส์ และเทคโนโลยี–แรงงาน เพื่อให้ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและมีคุณค่าในยุคเศรษฐกิจผันผวน.

    ทอง ทอง ทอง... ตลอดปีที่ผ่านมา ราคาทองคำพุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง จากปัจจัยดอกเบี้ยสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลง เงินดอลลาร์อ่อนค่า ความไม่แน่นอนทางการค้า–การเมืองโลก และแรงซื้อจากธนาคารกลาง-กองทุน ETF ทำให้ความต้องการทองคำพุ่ง โดยเฉพาะทองคำแท่งที่เพิ่มขึ้นกว่า 25–38% ในไทย ขณะที่ทองรูปพรรณลดลง ‘ฮั่วเซ่งเฮง’ ประเมินสิ้นปีทองคำอาจแตะ 3,780 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือราว 56,000 บาท/บาททองคำ พร้อมชี้กลยุทธ์ลงทุนทั้งแบบเก็งกำไรสั้นผ่านบัญชี FCD การสะสมทองแท่งระยะยาว และการออมทองออนไลน์ นอกจากนี้ยังมีแผนผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางทองคำอาเซียน ด้วยการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม พัฒนาโลจิสติกส์ และเทคโนโลยี–แรงงาน เพื่อให้ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและมีคุณค่าในยุคเศรษฐกิจผันผวน.
    0 Comments 0 Shares 1K Views 0 Reviews


  • เศรษฐกิจเนปาลกำลังย่ำแย่และเป็นสาเหตุให้คนรุ่นใหม่ออกมาประท้วง

    รายได้หลักของประเทศพึ่งพาการท่องเที่ยวเทือกเขาหิมาลัย แต่ทำได้เพียง 3 เดือนต่อปี

    ภาคเกษตรและอุตสาหกรรมไม่สร้างรายได้สูง แข่งขันไม่ได้

    คนจำนวนมากกว่า 3.5 ล้านคนต้องไปทำงานต่างประเทศ ส่งเงินกลับคิดเป็น 33% ของ GDP แต่ก่อให้เกิด “สมองไหล”

    อัตราว่างงานสูง โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวว่างงานถึง 22%

    รัฐบาลขาดดุลงบประมาณ ต้องกู้หนี้เพิ่ม จนหนี้สาธารณะพุ่งเป็น 42.7% ของ GDP ขณะที่เศรษฐกิจโตเพียง 1-2%


    ทั้งหมดนี้ทำให้ประชาชนไม่เห็นอนาคต จึงลุกฮือประท้วงหวังการเปลี่ยนแปลง.

    เศรษฐกิจเนปาลกำลังย่ำแย่และเป็นสาเหตุให้คนรุ่นใหม่ออกมาประท้วง รายได้หลักของประเทศพึ่งพาการท่องเที่ยวเทือกเขาหิมาลัย แต่ทำได้เพียง 3 เดือนต่อปี ภาคเกษตรและอุตสาหกรรมไม่สร้างรายได้สูง แข่งขันไม่ได้ คนจำนวนมากกว่า 3.5 ล้านคนต้องไปทำงานต่างประเทศ ส่งเงินกลับคิดเป็น 33% ของ GDP แต่ก่อให้เกิด “สมองไหล” อัตราว่างงานสูง โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวว่างงานถึง 22% รัฐบาลขาดดุลงบประมาณ ต้องกู้หนี้เพิ่ม จนหนี้สาธารณะพุ่งเป็น 42.7% ของ GDP ขณะที่เศรษฐกิจโตเพียง 1-2% ทั้งหมดนี้ทำให้ประชาชนไม่เห็นอนาคต จึงลุกฮือประท้วงหวังการเปลี่ยนแปลง.
    0 Comments 0 Shares 746 Views 0 Reviews
  • 12/09/68 13:35น. ที่บ้านเจริญมาศ หมู่ 9 ต.ลำปลายมาศ ได้ต้อนรับคณะประเมินการทำงานหมู่บ้าน
    ผมนายธรรมราช จันทร์ดอนผู้ใหญ่บ้าน พร้อมทีมงาน ผู้ช่วย สท. อสม. กทบ. ที่ปรึกษา กรรมการหมู่บ้าน ลูกบ้าน ต่างได้อยู่ต้อนรับ พร้อมทั้งได้บรรยายแผนการพัฒนาหมู่บ้าน
    นำเรียนปัญหาที่พบและแผนการแก้ไขและการป้องกันปัญหาที่จะเกิดซ้ำ
    การดำเนินการและกลยุทธการดำเนินการ ของโครงการธนาคารขยะตามแผนเทศบาล

    แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงและการอบรม
    และได้พาชมบ้านตัวอย่าง ตามแบบหน้าบ้านสวยงาม หลังบ้านสวน. นอกบ้านสะอาดสวยงาม
    ทุกอย่างเป็นที่เรียบร้อย
    ทั้งนี้หลายๆเรื่องเป็นยังเป็นวิสัยทัศน์และแผนดำเนินการ. ทีมงานเราจะได้ดำเนินการต่อไปให้เห็นผลประจักษ์สืบไป
    ขอขอบคุณ
    ทีมงานผู้ประเมินที่ให้โอกาสได้ชี้แจง
    ทีมงานหมู่บ้านเจริญมาศทุกๆท่านที่ร่วมด้วยช่วยกัน ทั้งลงแรง ทั้งให้คำปรึกษา
    คุณน้าไพบูลย์ คุณน้าแดง ให้ทีมงานได้เข้ารับชมบ้านเป็นบ้านตัวอย่าง
    ขอบคุณครับ
    12/09/68 13:35น. ที่บ้านเจริญมาศ หมู่ 9 ต.ลำปลายมาศ ได้ต้อนรับคณะประเมินการทำงานหมู่บ้าน ผมนายธรรมราช จันทร์ดอนผู้ใหญ่บ้าน พร้อมทีมงาน ผู้ช่วย สท. อสม. กทบ. ที่ปรึกษา กรรมการหมู่บ้าน ลูกบ้าน ต่างได้อยู่ต้อนรับ พร้อมทั้งได้บรรยายแผนการพัฒนาหมู่บ้าน นำเรียนปัญหาที่พบและแผนการแก้ไขและการป้องกันปัญหาที่จะเกิดซ้ำ การดำเนินการและกลยุทธการดำเนินการ ของโครงการธนาคารขยะตามแผนเทศบาล แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงและการอบรม และได้พาชมบ้านตัวอย่าง ตามแบบหน้าบ้านสวยงาม หลังบ้านสวน. นอกบ้านสะอาดสวยงาม ทุกอย่างเป็นที่เรียบร้อย ทั้งนี้หลายๆเรื่องเป็นยังเป็นวิสัยทัศน์และแผนดำเนินการ. ทีมงานเราจะได้ดำเนินการต่อไปให้เห็นผลประจักษ์สืบไป ขอขอบคุณ ทีมงานผู้ประเมินที่ให้โอกาสได้ชี้แจง ทีมงานหมู่บ้านเจริญมาศทุกๆท่านที่ร่วมด้วยช่วยกัน ทั้งลงแรง ทั้งให้คำปรึกษา คุณน้าไพบูลย์ คุณน้าแดง ให้ทีมงานได้เข้ารับชมบ้านเป็นบ้านตัวอย่าง ขอบคุณครับ 💖
    0 Comments 0 Shares 786 Views 0 Reviews

  • คนไทยไว้ใจ “อินฟลูเอนเซอร์”? กระจกสะท้อนสังคมไทยยุคดิจิทัล

    [เรื่อง: สิรินภา เพิ่มสกุลสิน]

    ในยุคดิจิทัลที่ใครก็มีพื้นที่สื่อ อินฟลูเอนเซอร์จึงกลายเป็นผู้มีอิทธิพลต่อสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง ทั้งที่ไม่ได้มีตำแหน่งทางการ อำนาจของพวกเขามาจากผู้ติดตามและความเชื่อมั่นที่ได้รับ

    อย่างไรก็ตาม หลายคนใช้พื้นที่อย่างไม่รับผิดชอบ มุ่งสร้างกระแส ยอดไลก์ และรายได้ โดยแชร์ข้อมูลที่ไม่ตรวจสอบหรือปลุกปั่นอารมณ์ ผลลัพธ์คือความแตกแยก ความเกลียดชัง และการบั่นทอนความเชื่อมั่นในสถาบัน ขณะเดียวกันบางคนสร้างภาพลักษณ์เกินจริง ตั้งฉายาเสริมบารมี จนผู้ติดตามหลงเชื่อ

    แต่ก็มีอินฟลูเอนเซอร์อีกจำนวนไม่น้อยที่ใช้พลังในทางสร้างสรรค์ เช่น ระดมทุนช่วยผู้เดือดร้อน เผยแพร่ความรู้ด้านสุขภาพ การศึกษา หรือสิ่งแวดล้อม แสดงให้เห็นว่าอิทธิพลออนไลน์สามารถเป็นพลังบวกได้

    ปัญหานี้ไม่ได้อยู่ที่อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายเดียว แต่ยังสะท้อนโครงสร้างแพลตฟอร์มที่ให้รางวัลกับคอนเทนต์เร้าอารมณ์ และการสื่อสารภาครัฐที่ล่าช้า ขาดความน่าเชื่อถือ ทำให้ประชาชนหันไปพึ่งอินฟลูเอนเซอร์แทน

    การแก้ปัญหาควรทำหลายระดับ

    อินฟลูเอนเซอร์ ต้องตระหนักถึงความรับผิดชอบ ตรวจสอบข้อมูล และหลีกเลี่ยงการปลุกปั่น

    ประชาชน ต้องพัฒนาทักษะ “รู้เท่าทันสื่อ” ตั้งคำถามต่อข้อมูล ไม่แชร์โดยไม่คิด

    ภาครัฐ ต้องสื่อสารรวดเร็ว โปร่งใส และสร้างกลไกยกระดับมาตรฐานสื่อ รวมถึงกำหนดจรรยาบรรณและบทลงโทษที่ชัดเจน


    ท้ายที่สุด อินฟลูเอนเซอร์คือ “กระจกสะท้อนสังคม” หากเรายังให้ค่ากับคอนเทนต์ปลุกอารมณ์ไร้ข้อเท็จจริง ก็จะตอกย้ำความอ่อนแอ แต่หากสังคมยกย่องผู้ที่สื่อสารด้วยเหตุผลและความจริง อินฟลูเอนเซอร์ก็จะปรับตัวและกลายเป็นพลังสร้างสรรค์ได้
    คนไทยไว้ใจ “อินฟลูเอนเซอร์”? กระจกสะท้อนสังคมไทยยุคดิจิทัล [เรื่อง: สิรินภา เพิ่มสกุลสิน] ในยุคดิจิทัลที่ใครก็มีพื้นที่สื่อ อินฟลูเอนเซอร์จึงกลายเป็นผู้มีอิทธิพลต่อสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง ทั้งที่ไม่ได้มีตำแหน่งทางการ อำนาจของพวกเขามาจากผู้ติดตามและความเชื่อมั่นที่ได้รับ อย่างไรก็ตาม หลายคนใช้พื้นที่อย่างไม่รับผิดชอบ มุ่งสร้างกระแส ยอดไลก์ และรายได้ โดยแชร์ข้อมูลที่ไม่ตรวจสอบหรือปลุกปั่นอารมณ์ ผลลัพธ์คือความแตกแยก ความเกลียดชัง และการบั่นทอนความเชื่อมั่นในสถาบัน ขณะเดียวกันบางคนสร้างภาพลักษณ์เกินจริง ตั้งฉายาเสริมบารมี จนผู้ติดตามหลงเชื่อ แต่ก็มีอินฟลูเอนเซอร์อีกจำนวนไม่น้อยที่ใช้พลังในทางสร้างสรรค์ เช่น ระดมทุนช่วยผู้เดือดร้อน เผยแพร่ความรู้ด้านสุขภาพ การศึกษา หรือสิ่งแวดล้อม แสดงให้เห็นว่าอิทธิพลออนไลน์สามารถเป็นพลังบวกได้ ปัญหานี้ไม่ได้อยู่ที่อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายเดียว แต่ยังสะท้อนโครงสร้างแพลตฟอร์มที่ให้รางวัลกับคอนเทนต์เร้าอารมณ์ และการสื่อสารภาครัฐที่ล่าช้า ขาดความน่าเชื่อถือ ทำให้ประชาชนหันไปพึ่งอินฟลูเอนเซอร์แทน การแก้ปัญหาควรทำหลายระดับ อินฟลูเอนเซอร์ ต้องตระหนักถึงความรับผิดชอบ ตรวจสอบข้อมูล และหลีกเลี่ยงการปลุกปั่น ประชาชน ต้องพัฒนาทักษะ “รู้เท่าทันสื่อ” ตั้งคำถามต่อข้อมูล ไม่แชร์โดยไม่คิด ภาครัฐ ต้องสื่อสารรวดเร็ว โปร่งใส และสร้างกลไกยกระดับมาตรฐานสื่อ รวมถึงกำหนดจรรยาบรรณและบทลงโทษที่ชัดเจน ท้ายที่สุด อินฟลูเอนเซอร์คือ “กระจกสะท้อนสังคม” หากเรายังให้ค่ากับคอนเทนต์ปลุกอารมณ์ไร้ข้อเท็จจริง ก็จะตอกย้ำความอ่อนแอ แต่หากสังคมยกย่องผู้ที่สื่อสารด้วยเหตุผลและความจริง อินฟลูเอนเซอร์ก็จะปรับตัวและกลายเป็นพลังสร้างสรรค์ได้
    0 Comments 0 Shares 1K Views 0 Reviews
  • ย้อนตำนาน 50 ปี เขมรแดงบุกยึดพนมเปญ จุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกัมพูชา ... #แผ่นดินต้องคำสาป
    เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๑๘ เมื่อกองกำลังเขมรแดง (Khmer Rouge) สามารถเข้าบุกยึดเมืองหลวงของประเทศ และควบคุมการปกครองของนายพลลอน นอล (Lon Nol) ซึ่งเป็นเผด็จการทหาร โดยมีรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเป็นผู้สนับสนุนได้สำเร็จ ท่ามกลางเสียงโห่ร้อง ดีใจของประชาชนที่ออกมาต้อนรับขับสู้ตามริมทาง มอบดอกไม้ต่างกำลังใจให้ผู้พิชิตเหล่านั้น โดยหารู้ไม่ว่า ในอีกไม่กี่เพลา ชีวิตของพวกเขากำลังเดินทางไปสู่เงื้อมมือของพญามัจจุราช
    เขมรแดง ซึ่งเป็นกองกำลังที่มีหัวขบวนหลักในการขับเคลื่อนโดยอดีตกลุ่มนักศึกษา "ปัญญาชนปารีส" อย่างพล พต (Pol Pot) เอียง ซารี เขียว สัมพัน ซอน เซน ฯลฯ ได้ยืนหยัดและยึดมั่นในอุดมการณ์ลัทธิซ้าย (คอมมิวนิสต์) อย่างสุดโต่งในการปฏิวัติกัมพูชา พวกเขามีความเชื่อว่า สังคมจะบังเกิดความจำเริญได้ ต้องมีความยุติธรรม ซึ่งจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่มีความเท่าเทียม ความเท่าเทียมที่ว่านี้ รวมไปถึงความเท่าเทียมในความเป็นอยู่ ความเท่าเทียมทางรายได้ ความเท่าเทียมทางการศึกษา เป็นต้นว่า ทุกคนต้องทำงาน มีอาชีพเหมือนกัน คือ ใช้แรงงาน เป็น labour ตามทุ่งนาต่างๆ เพื่อป้อนผลผลิตเข้าสู่ "องค์การ (Angkar) — ชื่อเรียกส่วนกลางของพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชา" อยู่แบบเดียวกัน อาศัยร่วมกันในค่ายที่เรียกว่า "คอมมูน (Commune)" ทั้งนี้ ยังไม่นับไปถึงความเท่าเทียมในเรื่องส่วนบุคคลอย่าง การแต่งกายที่ต้องเหมือนกัน คือ สวมชุดสีดำ โพกผ้าขาวม้า ห้ามมีทรัพย์สินส่วนตัว แม้แต่สบู่ แปรงสีฟัน ข้าวของจำเป็นในการอุปโภคบริโภค องค์การก็จะเป็นคนจัดให้ ไม่วายกระทั่ง "เลือกคู่ครอง" ให้ โดยอ้าง "เหตุผลของรัฐ (raison d'état)"
    ในกรุงพนมเปญ เขมรแดงเกณฑ์ผู้คนชาวกรุงนับล้านอพยพออกจากเมือง โดยโกหกว่า กองทัพสหรัฐฯ เตรียมการทิ้งระเบิด ชาวกรุงเหล่านั้น เป็นชนชั้นกลาง ปัญญาชน เศรษฐี ซึ่งถือเป็น "ชนชั้นนำ (elite)" ที่เขมรแดงตราหน้าว่าเป็น "ศัตรูของรัฐ" ในเวลาต่อมา ถูกบังคับให้ต้องเดินเป็นระยะทางหลายกิโล กระจายกันไปตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ตามแต่คำสั่งขององค์การ พวกเขาถูกนำตัวไปที่ค่าย (Commune) ที่ตั้งอยู่ตามทุ่งนาโล่งๆ หลายสิบแห่ง ที่ขนาดใหญ่และมีความสำคัญ เช่น ค่ายเสียมเรียบ พระตะบอง กันดาล เป็นต้น
    ตลอดระยะเวลาเกือบ ๔ ปีที่เขมรแดงขึ้นปกครองประเทศ กรุงพนมเปญกลายเป็นเมืองร้าง ไฟฟ้า ประปาไม่มีใช้ ยกเลิกโรงเรียน ธนาคาร โรงพยาบาล สาธารณูปโภคทุกอย่างถูกทำลาย เน้นการโดดเดี่ยวตัวเองเพื่อสร้างเศรษฐกิจแบบยังชีพตามอุดมการณ์พรรคคอมมิวนิสต์ คนทุกคนมีอาชีพเป็นแรงงาน ต้องทำงาน "เพื่อส่วนรวม" โดยไม่คิดถึงตัวเอง ๑๒ ชั่วโมง/วัน ตามทุ่งนา และจะได้รับอาหารจากองค์การเป็น "ข้าวเปล่าต้มสุก" ๑ กระป๋อง วันละ ๑ มื้อ ที่ถือได้ว่า "ดีแล้ว" เมื่อเทียบกับในคุก S-21 (ตวลสเลง) ที่ใช้คุมขัง "ศัตรูของรัฐ" ซึ่งได้รับอาหารเพียงข้าวต้ม ๓ ช้อน/วัน
    ด้วยการกดขี่ ใช้แรงงานอย่างไร้มนุษยธรรม ประกอบกับภาวะอาหารขาดแคลน อดอยาก มีผู้คนต้องล้มตายจากการขาดสารอาหาร การเจ็บป่วยที่ไม่มีแม้แต่ยารักษา เพราะแพทย์ถูกฆ่าตายจนหมดสิ้น ในฐานะ "ปัญญาชน" ซึ่งเป็นศัตรูของรัฐ คนป่วยต้องพึ่งพาสมุนไพร ใบไม้ในป่าพอประทัง และยังต้องทำงานเฉกเช่นเดียวกับคนปกติ การอู้งานอาจเป็นสาเหตุหนึ่งของข้อหา "ทรยศต่อองค์การ" ซึ่งแน่นอนว่าบทลงโทษของมันคือ "ความตาย"
    "ความตาย" กลายเป็น "มรณานุสสติ" ที่คนเขมรหวาดสะพรึงอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก ปัญญาชน คนต่างชาติ แม้แต่ "คนใส่แว่น" จะถูกฆ่าอย่างเหี้ยมโหด บ้างก็ถูกส่งไปทรมานในคุกพิเศษ บ้างก็ถูกฆ่ารวมกับ "พวกอู้งาน" กลางทุ่งนา จึงเป็นที่มาของคำเรียกว่า "ทุ่งสังหาร (killing field)"
    ท้ายที่สุด ภายใต้การนำของอดีตสมุนเขมรแดง ซึ่งรวมไปถึงนายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนปัจจุบันอย่าง "ฮุน เซ็น" ได้ร่วมมือกับกองทัพเวียดนาม ซึ่งเป็นคอมมิวนิสต์คนละสายกับเขมรแดง (เวียดนามได้รับการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียต ส่วนเขมรแดงได้รับการสนับสนุนจากจีน) เข้าบุกโจมตีกองทัพเขมรแดง เข้าปลดแอกประชาชนกัมพูชา จนได้รับชัยชนะ ควบคุมพนมเปญ และเปลี่ยนแปลงการปกครองได้ในปี ๒๕๒๒ ก่อนที่ความสูญเสียจะทวีคูณขึ้นเกิน ๓ ล้านคน หรือประมาณ ๑ ใน ๓ ของประชากรเขมรทั้งประเทศ
    ขอบพระคุณบทความจาก คุณ @Kanarop Chaiyasit
    ย้อนตำนาน 50 ปี เขมรแดงบุกยึดพนมเปญ จุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกัมพูชา ... #แผ่นดินต้องคำสาป เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๑๘ เมื่อกองกำลังเขมรแดง (Khmer Rouge) สามารถเข้าบุกยึดเมืองหลวงของประเทศ และควบคุมการปกครองของนายพลลอน นอล (Lon Nol) ซึ่งเป็นเผด็จการทหาร โดยมีรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเป็นผู้สนับสนุนได้สำเร็จ ท่ามกลางเสียงโห่ร้อง ดีใจของประชาชนที่ออกมาต้อนรับขับสู้ตามริมทาง มอบดอกไม้ต่างกำลังใจให้ผู้พิชิตเหล่านั้น โดยหารู้ไม่ว่า ในอีกไม่กี่เพลา ชีวิตของพวกเขากำลังเดินทางไปสู่เงื้อมมือของพญามัจจุราช เขมรแดง ซึ่งเป็นกองกำลังที่มีหัวขบวนหลักในการขับเคลื่อนโดยอดีตกลุ่มนักศึกษา "ปัญญาชนปารีส" อย่างพล พต (Pol Pot) เอียง ซารี เขียว สัมพัน ซอน เซน ฯลฯ ได้ยืนหยัดและยึดมั่นในอุดมการณ์ลัทธิซ้าย (คอมมิวนิสต์) อย่างสุดโต่งในการปฏิวัติกัมพูชา พวกเขามีความเชื่อว่า สังคมจะบังเกิดความจำเริญได้ ต้องมีความยุติธรรม ซึ่งจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่มีความเท่าเทียม ความเท่าเทียมที่ว่านี้ รวมไปถึงความเท่าเทียมในความเป็นอยู่ ความเท่าเทียมทางรายได้ ความเท่าเทียมทางการศึกษา เป็นต้นว่า ทุกคนต้องทำงาน มีอาชีพเหมือนกัน คือ ใช้แรงงาน เป็น labour ตามทุ่งนาต่างๆ เพื่อป้อนผลผลิตเข้าสู่ "องค์การ (Angkar) — ชื่อเรียกส่วนกลางของพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชา" อยู่แบบเดียวกัน อาศัยร่วมกันในค่ายที่เรียกว่า "คอมมูน (Commune)" ทั้งนี้ ยังไม่นับไปถึงความเท่าเทียมในเรื่องส่วนบุคคลอย่าง การแต่งกายที่ต้องเหมือนกัน คือ สวมชุดสีดำ โพกผ้าขาวม้า ห้ามมีทรัพย์สินส่วนตัว แม้แต่สบู่ แปรงสีฟัน ข้าวของจำเป็นในการอุปโภคบริโภค องค์การก็จะเป็นคนจัดให้ ไม่วายกระทั่ง "เลือกคู่ครอง" ให้ โดยอ้าง "เหตุผลของรัฐ (raison d'état)" ในกรุงพนมเปญ เขมรแดงเกณฑ์ผู้คนชาวกรุงนับล้านอพยพออกจากเมือง โดยโกหกว่า กองทัพสหรัฐฯ เตรียมการทิ้งระเบิด ชาวกรุงเหล่านั้น เป็นชนชั้นกลาง ปัญญาชน เศรษฐี ซึ่งถือเป็น "ชนชั้นนำ (elite)" ที่เขมรแดงตราหน้าว่าเป็น "ศัตรูของรัฐ" ในเวลาต่อมา ถูกบังคับให้ต้องเดินเป็นระยะทางหลายกิโล กระจายกันไปตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ตามแต่คำสั่งขององค์การ พวกเขาถูกนำตัวไปที่ค่าย (Commune) ที่ตั้งอยู่ตามทุ่งนาโล่งๆ หลายสิบแห่ง ที่ขนาดใหญ่และมีความสำคัญ เช่น ค่ายเสียมเรียบ พระตะบอง กันดาล เป็นต้น ตลอดระยะเวลาเกือบ ๔ ปีที่เขมรแดงขึ้นปกครองประเทศ กรุงพนมเปญกลายเป็นเมืองร้าง ไฟฟ้า ประปาไม่มีใช้ ยกเลิกโรงเรียน ธนาคาร โรงพยาบาล สาธารณูปโภคทุกอย่างถูกทำลาย เน้นการโดดเดี่ยวตัวเองเพื่อสร้างเศรษฐกิจแบบยังชีพตามอุดมการณ์พรรคคอมมิวนิสต์ คนทุกคนมีอาชีพเป็นแรงงาน ต้องทำงาน "เพื่อส่วนรวม" โดยไม่คิดถึงตัวเอง ๑๒ ชั่วโมง/วัน ตามทุ่งนา และจะได้รับอาหารจากองค์การเป็น "ข้าวเปล่าต้มสุก" ๑ กระป๋อง วันละ ๑ มื้อ ที่ถือได้ว่า "ดีแล้ว" เมื่อเทียบกับในคุก S-21 (ตวลสเลง) ที่ใช้คุมขัง "ศัตรูของรัฐ" ซึ่งได้รับอาหารเพียงข้าวต้ม ๓ ช้อน/วัน ด้วยการกดขี่ ใช้แรงงานอย่างไร้มนุษยธรรม ประกอบกับภาวะอาหารขาดแคลน อดอยาก มีผู้คนต้องล้มตายจากการขาดสารอาหาร การเจ็บป่วยที่ไม่มีแม้แต่ยารักษา เพราะแพทย์ถูกฆ่าตายจนหมดสิ้น ในฐานะ "ปัญญาชน" ซึ่งเป็นศัตรูของรัฐ คนป่วยต้องพึ่งพาสมุนไพร ใบไม้ในป่าพอประทัง และยังต้องทำงานเฉกเช่นเดียวกับคนปกติ การอู้งานอาจเป็นสาเหตุหนึ่งของข้อหา "ทรยศต่อองค์การ" ซึ่งแน่นอนว่าบทลงโทษของมันคือ "ความตาย" "ความตาย" กลายเป็น "มรณานุสสติ" ที่คนเขมรหวาดสะพรึงอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก ปัญญาชน คนต่างชาติ แม้แต่ "คนใส่แว่น" จะถูกฆ่าอย่างเหี้ยมโหด บ้างก็ถูกส่งไปทรมานในคุกพิเศษ บ้างก็ถูกฆ่ารวมกับ "พวกอู้งาน" กลางทุ่งนา จึงเป็นที่มาของคำเรียกว่า "ทุ่งสังหาร (killing field)" ท้ายที่สุด ภายใต้การนำของอดีตสมุนเขมรแดง ซึ่งรวมไปถึงนายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนปัจจุบันอย่าง "ฮุน เซ็น" ได้ร่วมมือกับกองทัพเวียดนาม ซึ่งเป็นคอมมิวนิสต์คนละสายกับเขมรแดง (เวียดนามได้รับการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียต ส่วนเขมรแดงได้รับการสนับสนุนจากจีน) เข้าบุกโจมตีกองทัพเขมรแดง เข้าปลดแอกประชาชนกัมพูชา จนได้รับชัยชนะ ควบคุมพนมเปญ และเปลี่ยนแปลงการปกครองได้ในปี ๒๕๒๒ ก่อนที่ความสูญเสียจะทวีคูณขึ้นเกิน ๓ ล้านคน หรือประมาณ ๑ ใน ๓ ของประชากรเขมรทั้งประเทศ ขอบพระคุณบทความจาก คุณ @Kanarop Chaiyasit
    0 Comments 0 Shares 3K Views 0 Reviews
fornote https://fornote.in.th