• เกมพลิก! เขมรหมดงบ ประชาชนอพยพกลับบ้าน หลังอาเซียนแก้เกมหนัก และสหรัฐฯ ถอนตัว
    สถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาได้พลิกผันอย่างคาดไม่ถึง!

    ความจริงถูกเปิดเผย: ขณะที่กัมพูชาพยายามสร้างภาพว่าเป็นเหยื่อ แต่ไทยได้พาคณะทูตานุทูตและสื่อมวลชนกว่า 150 ชีวิต ลงพื้นที่เพื่อเปิดเผยความจริงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นในฝั่งไทย ทั้งจากร้านค้าที่ถูกทำลายและประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ต้องเสียชีวิต ทำให้ประชาคมโลกได้เห็นว่าใครคือผู้รุกรานที่แท้จริง

    ชาวกัมพูชาอพยพกลับ: ประชาชนชาวกัมพูชาเกือบ 3 แสนคน ที่ต้องอพยพหนีภัยสงครามได้ทยอยเดินทางกลับบ้าน หลังจากรัฐบาลกัมพูชาประสบปัญหา ขาดงบประมาณ ในการดูแลและจัดหาอาหารเลี้ยงดูผู้ประสบภัย

    สหรัฐฯ ถอยทัพ: การที่กัมพูชาพยายามดึงสหรัฐฯ เข้ามาในภูมิภาค ทำให้เวียดนามและชาติสมาชิกอาเซียนส่วนใหญ่ไม่พอใจ และเมื่อรัสเซียเข้ามามีบทบาทร่วมกับลาวและเวียดนาม สหรัฐฯ ก็ตัดสินใจ "ชิ่งหนี" ปล่อยให้กัมพูชาต้องเผชิญชะตากรรมตามลำพัง

    บทเรียนราคาแพง: เหตุการณ์นี้เป็นเครื่องเตือนใจว่าการเมืองไม่ใช่เกมที่จะเอาชีวิตประชาชนมาเป็นตัวประกันได้ และสุดท้ายแล้ว "ความจริงจะชนะทุกอย่าง" เสมอ

    บทสรุปนี้สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวในการบริหารจัดการของรัฐบาลกัมพูชา และการถูกโดดเดี่ยวทางการเมืองในระดับภูมิภาค ทำให้เกมพลิกไปอย่างสิ้นเชิง

    #เขมรหมดงบ #อพยพกลับบ้าน #อาเซียนแก้เกม #อเมริกาทิ้งเขมร #รัสเซียแจมวง #ความจริงจะชนะทุกอย่าง
    เกมพลิก! เขมรหมดงบ ประชาชนอพยพกลับบ้าน หลังอาเซียนแก้เกมหนัก และสหรัฐฯ ถอนตัว สถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาได้พลิกผันอย่างคาดไม่ถึง! ความจริงถูกเปิดเผย: ขณะที่กัมพูชาพยายามสร้างภาพว่าเป็นเหยื่อ แต่ไทยได้พาคณะทูตานุทูตและสื่อมวลชนกว่า 150 ชีวิต ลงพื้นที่เพื่อเปิดเผยความจริงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นในฝั่งไทย ทั้งจากร้านค้าที่ถูกทำลายและประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ต้องเสียชีวิต ทำให้ประชาคมโลกได้เห็นว่าใครคือผู้รุกรานที่แท้จริง ชาวกัมพูชาอพยพกลับ: ประชาชนชาวกัมพูชาเกือบ 3 แสนคน ที่ต้องอพยพหนีภัยสงครามได้ทยอยเดินทางกลับบ้าน หลังจากรัฐบาลกัมพูชาประสบปัญหา ขาดงบประมาณ ในการดูแลและจัดหาอาหารเลี้ยงดูผู้ประสบภัย สหรัฐฯ ถอยทัพ: การที่กัมพูชาพยายามดึงสหรัฐฯ เข้ามาในภูมิภาค ทำให้เวียดนามและชาติสมาชิกอาเซียนส่วนใหญ่ไม่พอใจ และเมื่อรัสเซียเข้ามามีบทบาทร่วมกับลาวและเวียดนาม สหรัฐฯ ก็ตัดสินใจ "ชิ่งหนี" ปล่อยให้กัมพูชาต้องเผชิญชะตากรรมตามลำพัง บทเรียนราคาแพง: เหตุการณ์นี้เป็นเครื่องเตือนใจว่าการเมืองไม่ใช่เกมที่จะเอาชีวิตประชาชนมาเป็นตัวประกันได้ และสุดท้ายแล้ว "ความจริงจะชนะทุกอย่าง" เสมอ บทสรุปนี้สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวในการบริหารจัดการของรัฐบาลกัมพูชา และการถูกโดดเดี่ยวทางการเมืองในระดับภูมิภาค ทำให้เกมพลิกไปอย่างสิ้นเชิง #เขมรหมดงบ #อพยพกลับบ้าน #อาเซียนแก้เกม #อเมริกาทิ้งเขมร #รัสเซียแจมวง #ความจริงจะชนะทุกอย่าง
    0 Comments 0 Shares 2K Views 0 Reviews
  • ปธ. #สีจิ้นผิงว่าไง เขมรกลายเป็น สะเลนสะกี้แล้ว เขมรลงนามกับอเมริกาด้านการป้องกันประเทศ หลังจากข้อตกลงหยุดยิงทำงาน
    คราวนี้คงรู้แล้วนะว่าทำไมเขมรละเมิดข้อตกลงหยุดยิง
    เขมรจะโละของเก่า หลังจากนี้เขมรจะครอบครองอาวุธอเมริกัน และอเมริกาจะไม่ขายอาวุธให้กับไทย
    อเมริกาเดินแผนให้ติด "กับดักหนี้" เพื่อครอบครอง
    อนาคต กองทัพไทยหนักแน่ ถ้าเขมรมันครอบครองอาวุธอเมริกา
    ปธ. #สีจิ้นผิงว่าไง เขมรกลายเป็น สะเลนสะกี้แล้ว เขมรลงนามกับอเมริกาด้านการป้องกันประเทศ หลังจากข้อตกลงหยุดยิงทำงาน คราวนี้คงรู้แล้วนะว่าทำไมเขมรละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เขมรจะโละของเก่า หลังจากนี้เขมรจะครอบครองอาวุธอเมริกัน และอเมริกาจะไม่ขายอาวุธให้กับไทย อเมริกาเดินแผนให้ติด "กับดักหนี้" เพื่อครอบครอง อนาคต กองทัพไทยหนักแน่ ถ้าเขมรมันครอบครองอาวุธอเมริกา
    0 Comments 0 Shares 891 Views 0 Reviews
  • ย้อนตำนาน 50 ปี เขมรแดงบุกยึดพนมเปญ จุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกัมพูชา ... #แผ่นดินต้องคำสาป
    เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๑๘ เมื่อกองกำลังเขมรแดง (Khmer Rouge) สามารถเข้าบุกยึดเมืองหลวงของประเทศ และควบคุมการปกครองของนายพลลอน นอล (Lon Nol) ซึ่งเป็นเผด็จการทหาร โดยมีรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเป็นผู้สนับสนุนได้สำเร็จ ท่ามกลางเสียงโห่ร้อง ดีใจของประชาชนที่ออกมาต้อนรับขับสู้ตามริมทาง มอบดอกไม้ต่างกำลังใจให้ผู้พิชิตเหล่านั้น โดยหารู้ไม่ว่า ในอีกไม่กี่เพลา ชีวิตของพวกเขากำลังเดินทางไปสู่เงื้อมมือของพญามัจจุราช
    เขมรแดง ซึ่งเป็นกองกำลังที่มีหัวขบวนหลักในการขับเคลื่อนโดยอดีตกลุ่มนักศึกษา "ปัญญาชนปารีส" อย่างพล พต (Pol Pot) เอียง ซารี เขียว สัมพัน ซอน เซน ฯลฯ ได้ยืนหยัดและยึดมั่นในอุดมการณ์ลัทธิซ้าย (คอมมิวนิสต์) อย่างสุดโต่งในการปฏิวัติกัมพูชา พวกเขามีความเชื่อว่า สังคมจะบังเกิดความจำเริญได้ ต้องมีความยุติธรรม ซึ่งจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่มีความเท่าเทียม ความเท่าเทียมที่ว่านี้ รวมไปถึงความเท่าเทียมในความเป็นอยู่ ความเท่าเทียมทางรายได้ ความเท่าเทียมทางการศึกษา เป็นต้นว่า ทุกคนต้องทำงาน มีอาชีพเหมือนกัน คือ ใช้แรงงาน เป็น labour ตามทุ่งนาต่างๆ เพื่อป้อนผลผลิตเข้าสู่ "องค์การ (Angkar) — ชื่อเรียกส่วนกลางของพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชา" อยู่แบบเดียวกัน อาศัยร่วมกันในค่ายที่เรียกว่า "คอมมูน (Commune)" ทั้งนี้ ยังไม่นับไปถึงความเท่าเทียมในเรื่องส่วนบุคคลอย่าง การแต่งกายที่ต้องเหมือนกัน คือ สวมชุดสีดำ โพกผ้าขาวม้า ห้ามมีทรัพย์สินส่วนตัว แม้แต่สบู่ แปรงสีฟัน ข้าวของจำเป็นในการอุปโภคบริโภค องค์การก็จะเป็นคนจัดให้ ไม่วายกระทั่ง "เลือกคู่ครอง" ให้ โดยอ้าง "เหตุผลของรัฐ (raison d'état)"
    ในกรุงพนมเปญ เขมรแดงเกณฑ์ผู้คนชาวกรุงนับล้านอพยพออกจากเมือง โดยโกหกว่า กองทัพสหรัฐฯ เตรียมการทิ้งระเบิด ชาวกรุงเหล่านั้น เป็นชนชั้นกลาง ปัญญาชน เศรษฐี ซึ่งถือเป็น "ชนชั้นนำ (elite)" ที่เขมรแดงตราหน้าว่าเป็น "ศัตรูของรัฐ" ในเวลาต่อมา ถูกบังคับให้ต้องเดินเป็นระยะทางหลายกิโล กระจายกันไปตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ตามแต่คำสั่งขององค์การ พวกเขาถูกนำตัวไปที่ค่าย (Commune) ที่ตั้งอยู่ตามทุ่งนาโล่งๆ หลายสิบแห่ง ที่ขนาดใหญ่และมีความสำคัญ เช่น ค่ายเสียมเรียบ พระตะบอง กันดาล เป็นต้น
    ตลอดระยะเวลาเกือบ ๔ ปีที่เขมรแดงขึ้นปกครองประเทศ กรุงพนมเปญกลายเป็นเมืองร้าง ไฟฟ้า ประปาไม่มีใช้ ยกเลิกโรงเรียน ธนาคาร โรงพยาบาล สาธารณูปโภคทุกอย่างถูกทำลาย เน้นการโดดเดี่ยวตัวเองเพื่อสร้างเศรษฐกิจแบบยังชีพตามอุดมการณ์พรรคคอมมิวนิสต์ คนทุกคนมีอาชีพเป็นแรงงาน ต้องทำงาน "เพื่อส่วนรวม" โดยไม่คิดถึงตัวเอง ๑๒ ชั่วโมง/วัน ตามทุ่งนา และจะได้รับอาหารจากองค์การเป็น "ข้าวเปล่าต้มสุก" ๑ กระป๋อง วันละ ๑ มื้อ ที่ถือได้ว่า "ดีแล้ว" เมื่อเทียบกับในคุก S-21 (ตวลสเลง) ที่ใช้คุมขัง "ศัตรูของรัฐ" ซึ่งได้รับอาหารเพียงข้าวต้ม ๓ ช้อน/วัน
    ด้วยการกดขี่ ใช้แรงงานอย่างไร้มนุษยธรรม ประกอบกับภาวะอาหารขาดแคลน อดอยาก มีผู้คนต้องล้มตายจากการขาดสารอาหาร การเจ็บป่วยที่ไม่มีแม้แต่ยารักษา เพราะแพทย์ถูกฆ่าตายจนหมดสิ้น ในฐานะ "ปัญญาชน" ซึ่งเป็นศัตรูของรัฐ คนป่วยต้องพึ่งพาสมุนไพร ใบไม้ในป่าพอประทัง และยังต้องทำงานเฉกเช่นเดียวกับคนปกติ การอู้งานอาจเป็นสาเหตุหนึ่งของข้อหา "ทรยศต่อองค์การ" ซึ่งแน่นอนว่าบทลงโทษของมันคือ "ความตาย"
    "ความตาย" กลายเป็น "มรณานุสสติ" ที่คนเขมรหวาดสะพรึงอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก ปัญญาชน คนต่างชาติ แม้แต่ "คนใส่แว่น" จะถูกฆ่าอย่างเหี้ยมโหด บ้างก็ถูกส่งไปทรมานในคุกพิเศษ บ้างก็ถูกฆ่ารวมกับ "พวกอู้งาน" กลางทุ่งนา จึงเป็นที่มาของคำเรียกว่า "ทุ่งสังหาร (killing field)"
    ท้ายที่สุด ภายใต้การนำของอดีตสมุนเขมรแดง ซึ่งรวมไปถึงนายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนปัจจุบันอย่าง "ฮุน เซ็น" ได้ร่วมมือกับกองทัพเวียดนาม ซึ่งเป็นคอมมิวนิสต์คนละสายกับเขมรแดง (เวียดนามได้รับการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียต ส่วนเขมรแดงได้รับการสนับสนุนจากจีน) เข้าบุกโจมตีกองทัพเขมรแดง เข้าปลดแอกประชาชนกัมพูชา จนได้รับชัยชนะ ควบคุมพนมเปญ และเปลี่ยนแปลงการปกครองได้ในปี ๒๕๒๒ ก่อนที่ความสูญเสียจะทวีคูณขึ้นเกิน ๓ ล้านคน หรือประมาณ ๑ ใน ๓ ของประชากรเขมรทั้งประเทศ
    ขอบพระคุณบทความจาก คุณ @Kanarop Chaiyasit
    ย้อนตำนาน 50 ปี เขมรแดงบุกยึดพนมเปญ จุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกัมพูชา ... #แผ่นดินต้องคำสาป เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๑๘ เมื่อกองกำลังเขมรแดง (Khmer Rouge) สามารถเข้าบุกยึดเมืองหลวงของประเทศ และควบคุมการปกครองของนายพลลอน นอล (Lon Nol) ซึ่งเป็นเผด็จการทหาร โดยมีรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเป็นผู้สนับสนุนได้สำเร็จ ท่ามกลางเสียงโห่ร้อง ดีใจของประชาชนที่ออกมาต้อนรับขับสู้ตามริมทาง มอบดอกไม้ต่างกำลังใจให้ผู้พิชิตเหล่านั้น โดยหารู้ไม่ว่า ในอีกไม่กี่เพลา ชีวิตของพวกเขากำลังเดินทางไปสู่เงื้อมมือของพญามัจจุราช เขมรแดง ซึ่งเป็นกองกำลังที่มีหัวขบวนหลักในการขับเคลื่อนโดยอดีตกลุ่มนักศึกษา "ปัญญาชนปารีส" อย่างพล พต (Pol Pot) เอียง ซารี เขียว สัมพัน ซอน เซน ฯลฯ ได้ยืนหยัดและยึดมั่นในอุดมการณ์ลัทธิซ้าย (คอมมิวนิสต์) อย่างสุดโต่งในการปฏิวัติกัมพูชา พวกเขามีความเชื่อว่า สังคมจะบังเกิดความจำเริญได้ ต้องมีความยุติธรรม ซึ่งจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่มีความเท่าเทียม ความเท่าเทียมที่ว่านี้ รวมไปถึงความเท่าเทียมในความเป็นอยู่ ความเท่าเทียมทางรายได้ ความเท่าเทียมทางการศึกษา เป็นต้นว่า ทุกคนต้องทำงาน มีอาชีพเหมือนกัน คือ ใช้แรงงาน เป็น labour ตามทุ่งนาต่างๆ เพื่อป้อนผลผลิตเข้าสู่ "องค์การ (Angkar) — ชื่อเรียกส่วนกลางของพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชา" อยู่แบบเดียวกัน อาศัยร่วมกันในค่ายที่เรียกว่า "คอมมูน (Commune)" ทั้งนี้ ยังไม่นับไปถึงความเท่าเทียมในเรื่องส่วนบุคคลอย่าง การแต่งกายที่ต้องเหมือนกัน คือ สวมชุดสีดำ โพกผ้าขาวม้า ห้ามมีทรัพย์สินส่วนตัว แม้แต่สบู่ แปรงสีฟัน ข้าวของจำเป็นในการอุปโภคบริโภค องค์การก็จะเป็นคนจัดให้ ไม่วายกระทั่ง "เลือกคู่ครอง" ให้ โดยอ้าง "เหตุผลของรัฐ (raison d'état)" ในกรุงพนมเปญ เขมรแดงเกณฑ์ผู้คนชาวกรุงนับล้านอพยพออกจากเมือง โดยโกหกว่า กองทัพสหรัฐฯ เตรียมการทิ้งระเบิด ชาวกรุงเหล่านั้น เป็นชนชั้นกลาง ปัญญาชน เศรษฐี ซึ่งถือเป็น "ชนชั้นนำ (elite)" ที่เขมรแดงตราหน้าว่าเป็น "ศัตรูของรัฐ" ในเวลาต่อมา ถูกบังคับให้ต้องเดินเป็นระยะทางหลายกิโล กระจายกันไปตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ตามแต่คำสั่งขององค์การ พวกเขาถูกนำตัวไปที่ค่าย (Commune) ที่ตั้งอยู่ตามทุ่งนาโล่งๆ หลายสิบแห่ง ที่ขนาดใหญ่และมีความสำคัญ เช่น ค่ายเสียมเรียบ พระตะบอง กันดาล เป็นต้น ตลอดระยะเวลาเกือบ ๔ ปีที่เขมรแดงขึ้นปกครองประเทศ กรุงพนมเปญกลายเป็นเมืองร้าง ไฟฟ้า ประปาไม่มีใช้ ยกเลิกโรงเรียน ธนาคาร โรงพยาบาล สาธารณูปโภคทุกอย่างถูกทำลาย เน้นการโดดเดี่ยวตัวเองเพื่อสร้างเศรษฐกิจแบบยังชีพตามอุดมการณ์พรรคคอมมิวนิสต์ คนทุกคนมีอาชีพเป็นแรงงาน ต้องทำงาน "เพื่อส่วนรวม" โดยไม่คิดถึงตัวเอง ๑๒ ชั่วโมง/วัน ตามทุ่งนา และจะได้รับอาหารจากองค์การเป็น "ข้าวเปล่าต้มสุก" ๑ กระป๋อง วันละ ๑ มื้อ ที่ถือได้ว่า "ดีแล้ว" เมื่อเทียบกับในคุก S-21 (ตวลสเลง) ที่ใช้คุมขัง "ศัตรูของรัฐ" ซึ่งได้รับอาหารเพียงข้าวต้ม ๓ ช้อน/วัน ด้วยการกดขี่ ใช้แรงงานอย่างไร้มนุษยธรรม ประกอบกับภาวะอาหารขาดแคลน อดอยาก มีผู้คนต้องล้มตายจากการขาดสารอาหาร การเจ็บป่วยที่ไม่มีแม้แต่ยารักษา เพราะแพทย์ถูกฆ่าตายจนหมดสิ้น ในฐานะ "ปัญญาชน" ซึ่งเป็นศัตรูของรัฐ คนป่วยต้องพึ่งพาสมุนไพร ใบไม้ในป่าพอประทัง และยังต้องทำงานเฉกเช่นเดียวกับคนปกติ การอู้งานอาจเป็นสาเหตุหนึ่งของข้อหา "ทรยศต่อองค์การ" ซึ่งแน่นอนว่าบทลงโทษของมันคือ "ความตาย" "ความตาย" กลายเป็น "มรณานุสสติ" ที่คนเขมรหวาดสะพรึงอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก ปัญญาชน คนต่างชาติ แม้แต่ "คนใส่แว่น" จะถูกฆ่าอย่างเหี้ยมโหด บ้างก็ถูกส่งไปทรมานในคุกพิเศษ บ้างก็ถูกฆ่ารวมกับ "พวกอู้งาน" กลางทุ่งนา จึงเป็นที่มาของคำเรียกว่า "ทุ่งสังหาร (killing field)" ท้ายที่สุด ภายใต้การนำของอดีตสมุนเขมรแดง ซึ่งรวมไปถึงนายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนปัจจุบันอย่าง "ฮุน เซ็น" ได้ร่วมมือกับกองทัพเวียดนาม ซึ่งเป็นคอมมิวนิสต์คนละสายกับเขมรแดง (เวียดนามได้รับการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียต ส่วนเขมรแดงได้รับการสนับสนุนจากจีน) เข้าบุกโจมตีกองทัพเขมรแดง เข้าปลดแอกประชาชนกัมพูชา จนได้รับชัยชนะ ควบคุมพนมเปญ และเปลี่ยนแปลงการปกครองได้ในปี ๒๕๒๒ ก่อนที่ความสูญเสียจะทวีคูณขึ้นเกิน ๓ ล้านคน หรือประมาณ ๑ ใน ๓ ของประชากรเขมรทั้งประเทศ ขอบพระคุณบทความจาก คุณ @Kanarop Chaiyasit
    0 Comments 0 Shares 1K Views 0 Reviews
fornote https://fornote.in.th