Sponsored
  • 0 Comments 0 Shares 162 Views 0 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 171 Views 0 0 Reviews
  • Love
    1
    0 Comments 0 Shares 197 Views 0 Reviews
  • Love
    1
    0 Comments 0 Shares 194 Views 0 Reviews
  • ขอบคุณทหารแนวหน้า ที่เสียสละและยึดคืนพื้นที่มาได้
    ขอบคุณทหารแนวหน้า ที่เสียสละและยึดคืนพื้นที่มาได้
    Love
    2
    0 Comments 0 Shares 403 Views 0 Reviews


  • ผู้ที่นำทหาร BHQ (กกล.พิทักษ์ฮุนเซน)
    เข้าตีปราสาทตาควายและตาเมือนธม อย่างเดือด ตอนนี้ !! พล.อ.ฮิง บุนเฮียง ผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์ (BHQ) และรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด คือ นายทหารคนสนิทของ สมเด็จฮุน เซน
    - สหรัฐฯ จึงทุ่มงบประมาณให้รัฐบาลกัมพูชา พัฒนาและยกระดับกองพลน้อยที่ 70 เป็นหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายสากล
    - ภารกิจกองพลน้อยที่ 70 BHQ คือ ดูแลความปลอดภัยของนายกรัฐมนตรีและครอบครัว รวมถึงแขกผู้มีเกียรติระดับสูงจากต่างประเทศ ต่อต้านการก่อการร้าย มีการฝึกฝนเทคนิคปฏิบัติการพิเศษแบบหน่วยรบพิเศษ(Special Forces) พร้อมสอดแทรกในสถานการณ์วิกฤต
    #สหรัฐมันคือใส้ศึกกระหายสงคราม
    Cr.วาสนา รักเมืองไทย
    🇰🇭ผู้ที่นำทหาร BHQ (กกล.พิทักษ์ฮุนเซน) เข้าตีปราสาทตาควายและตาเมือนธม อย่างเดือด ตอนนี้ !! พล.อ.ฮิง บุนเฮียง ผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์ (BHQ) และรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด คือ นายทหารคนสนิทของ สมเด็จฮุน เซน - สหรัฐฯ จึงทุ่มงบประมาณให้รัฐบาลกัมพูชา พัฒนาและยกระดับกองพลน้อยที่ 70 เป็นหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายสากล - ภารกิจกองพลน้อยที่ 70 BHQ คือ ดูแลความปลอดภัยของนายกรัฐมนตรีและครอบครัว รวมถึงแขกผู้มีเกียรติระดับสูงจากต่างประเทศ ต่อต้านการก่อการร้าย มีการฝึกฝนเทคนิคปฏิบัติการพิเศษแบบหน่วยรบพิเศษ(Special Forces) พร้อมสอดแทรกในสถานการณ์วิกฤต #สหรัฐมันคือใส้ศึกกระหายสงคราม Cr.วาสนา รักเมืองไทย
    0 Comments 0 Shares 1K Views 0 Reviews
  • #แด่เขมรศิษย์เก่าเขาอีด่าง ด้วยหลักมนุษยธรรมทำให้ไทยต้องมาเลี้ยงดูอุ้มชูแก่เพื่อนมนุษย์ชาวกัมพูชาเป็นเวลากว่า 14 ปี (2522 - 2536) บุญคุณไม่ทดแทน แต่กลับมาสร้างความแค้นให้กับคนไทย ... ปี พ.ศ.2522 ชาวกัมพูชานับแสนคน อพยพหนีภาวะสงครามภายในประเทศ และความอดอยาก มาขอรับความช่วยเหลือที่ชายแดนไทย เพื่อรอรับแจกข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำ และความช่วยเหลือทางการแพทย์ รัฐบาลไทยจึงได้อนุมัติให้จัดตั้งศูนย์ที่พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้หลบหนีเข้าเมืองจากกัมพูชา ที่ #เขาอีด่าง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว (ในสมัยนั้นเป็นอำเภอตาพระยา จังหวัดปราจีนบุรี) เป็นค่ายผู้อพยพชาวกัมพูชาที่มีผู้อพยพมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาจำนวนกว่า 160,000 คน ...
    #แด่เขมรศิษย์เก่าเขาอีด่าง ด้วยหลักมนุษยธรรมทำให้ไทยต้องมาเลี้ยงดูอุ้มชูแก่เพื่อนมนุษย์ชาวกัมพูชาเป็นเวลากว่า 14 ปี (2522 - 2536) บุญคุณไม่ทดแทน แต่กลับมาสร้างความแค้นให้กับคนไทย ... ปี พ.ศ.2522 ชาวกัมพูชานับแสนคน อพยพหนีภาวะสงครามภายในประเทศ และความอดอยาก มาขอรับความช่วยเหลือที่ชายแดนไทย เพื่อรอรับแจกข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำ และความช่วยเหลือทางการแพทย์ รัฐบาลไทยจึงได้อนุมัติให้จัดตั้งศูนย์ที่พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้หลบหนีเข้าเมืองจากกัมพูชา ที่ #เขาอีด่าง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว (ในสมัยนั้นเป็นอำเภอตาพระยา จังหวัดปราจีนบุรี) เป็นค่ายผู้อพยพชาวกัมพูชาที่มีผู้อพยพมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาจำนวนกว่า 160,000 คน ...
    0 Comments 0 Shares 2K Views 0 Reviews
  • ย้อนตำนาน 50 ปี เขมรแดงบุกยึดพนมเปญ จุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกัมพูชา ... #แผ่นดินต้องคำสาป
    เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๑๘ เมื่อกองกำลังเขมรแดง (Khmer Rouge) สามารถเข้าบุกยึดเมืองหลวงของประเทศ และควบคุมการปกครองของนายพลลอน นอล (Lon Nol) ซึ่งเป็นเผด็จการทหาร โดยมีรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเป็นผู้สนับสนุนได้สำเร็จ ท่ามกลางเสียงโห่ร้อง ดีใจของประชาชนที่ออกมาต้อนรับขับสู้ตามริมทาง มอบดอกไม้ต่างกำลังใจให้ผู้พิชิตเหล่านั้น โดยหารู้ไม่ว่า ในอีกไม่กี่เพลา ชีวิตของพวกเขากำลังเดินทางไปสู่เงื้อมมือของพญามัจจุราช
    เขมรแดง ซึ่งเป็นกองกำลังที่มีหัวขบวนหลักในการขับเคลื่อนโดยอดีตกลุ่มนักศึกษา "ปัญญาชนปารีส" อย่างพล พต (Pol Pot) เอียง ซารี เขียว สัมพัน ซอน เซน ฯลฯ ได้ยืนหยัดและยึดมั่นในอุดมการณ์ลัทธิซ้าย (คอมมิวนิสต์) อย่างสุดโต่งในการปฏิวัติกัมพูชา พวกเขามีความเชื่อว่า สังคมจะบังเกิดความจำเริญได้ ต้องมีความยุติธรรม ซึ่งจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่มีความเท่าเทียม ความเท่าเทียมที่ว่านี้ รวมไปถึงความเท่าเทียมในความเป็นอยู่ ความเท่าเทียมทางรายได้ ความเท่าเทียมทางการศึกษา เป็นต้นว่า ทุกคนต้องทำงาน มีอาชีพเหมือนกัน คือ ใช้แรงงาน เป็น labour ตามทุ่งนาต่างๆ เพื่อป้อนผลผลิตเข้าสู่ "องค์การ (Angkar) — ชื่อเรียกส่วนกลางของพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชา" อยู่แบบเดียวกัน อาศัยร่วมกันในค่ายที่เรียกว่า "คอมมูน (Commune)" ทั้งนี้ ยังไม่นับไปถึงความเท่าเทียมในเรื่องส่วนบุคคลอย่าง การแต่งกายที่ต้องเหมือนกัน คือ สวมชุดสีดำ โพกผ้าขาวม้า ห้ามมีทรัพย์สินส่วนตัว แม้แต่สบู่ แปรงสีฟัน ข้าวของจำเป็นในการอุปโภคบริโภค องค์การก็จะเป็นคนจัดให้ ไม่วายกระทั่ง "เลือกคู่ครอง" ให้ โดยอ้าง "เหตุผลของรัฐ (raison d'état)"
    ในกรุงพนมเปญ เขมรแดงเกณฑ์ผู้คนชาวกรุงนับล้านอพยพออกจากเมือง โดยโกหกว่า กองทัพสหรัฐฯ เตรียมการทิ้งระเบิด ชาวกรุงเหล่านั้น เป็นชนชั้นกลาง ปัญญาชน เศรษฐี ซึ่งถือเป็น "ชนชั้นนำ (elite)" ที่เขมรแดงตราหน้าว่าเป็น "ศัตรูของรัฐ" ในเวลาต่อมา ถูกบังคับให้ต้องเดินเป็นระยะทางหลายกิโล กระจายกันไปตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ตามแต่คำสั่งขององค์การ พวกเขาถูกนำตัวไปที่ค่าย (Commune) ที่ตั้งอยู่ตามทุ่งนาโล่งๆ หลายสิบแห่ง ที่ขนาดใหญ่และมีความสำคัญ เช่น ค่ายเสียมเรียบ พระตะบอง กันดาล เป็นต้น
    ตลอดระยะเวลาเกือบ ๔ ปีที่เขมรแดงขึ้นปกครองประเทศ กรุงพนมเปญกลายเป็นเมืองร้าง ไฟฟ้า ประปาไม่มีใช้ ยกเลิกโรงเรียน ธนาคาร โรงพยาบาล สาธารณูปโภคทุกอย่างถูกทำลาย เน้นการโดดเดี่ยวตัวเองเพื่อสร้างเศรษฐกิจแบบยังชีพตามอุดมการณ์พรรคคอมมิวนิสต์ คนทุกคนมีอาชีพเป็นแรงงาน ต้องทำงาน "เพื่อส่วนรวม" โดยไม่คิดถึงตัวเอง ๑๒ ชั่วโมง/วัน ตามทุ่งนา และจะได้รับอาหารจากองค์การเป็น "ข้าวเปล่าต้มสุก" ๑ กระป๋อง วันละ ๑ มื้อ ที่ถือได้ว่า "ดีแล้ว" เมื่อเทียบกับในคุก S-21 (ตวลสเลง) ที่ใช้คุมขัง "ศัตรูของรัฐ" ซึ่งได้รับอาหารเพียงข้าวต้ม ๓ ช้อน/วัน
    ด้วยการกดขี่ ใช้แรงงานอย่างไร้มนุษยธรรม ประกอบกับภาวะอาหารขาดแคลน อดอยาก มีผู้คนต้องล้มตายจากการขาดสารอาหาร การเจ็บป่วยที่ไม่มีแม้แต่ยารักษา เพราะแพทย์ถูกฆ่าตายจนหมดสิ้น ในฐานะ "ปัญญาชน" ซึ่งเป็นศัตรูของรัฐ คนป่วยต้องพึ่งพาสมุนไพร ใบไม้ในป่าพอประทัง และยังต้องทำงานเฉกเช่นเดียวกับคนปกติ การอู้งานอาจเป็นสาเหตุหนึ่งของข้อหา "ทรยศต่อองค์การ" ซึ่งแน่นอนว่าบทลงโทษของมันคือ "ความตาย"
    "ความตาย" กลายเป็น "มรณานุสสติ" ที่คนเขมรหวาดสะพรึงอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก ปัญญาชน คนต่างชาติ แม้แต่ "คนใส่แว่น" จะถูกฆ่าอย่างเหี้ยมโหด บ้างก็ถูกส่งไปทรมานในคุกพิเศษ บ้างก็ถูกฆ่ารวมกับ "พวกอู้งาน" กลางทุ่งนา จึงเป็นที่มาของคำเรียกว่า "ทุ่งสังหาร (killing field)"
    ท้ายที่สุด ภายใต้การนำของอดีตสมุนเขมรแดง ซึ่งรวมไปถึงนายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนปัจจุบันอย่าง "ฮุน เซ็น" ได้ร่วมมือกับกองทัพเวียดนาม ซึ่งเป็นคอมมิวนิสต์คนละสายกับเขมรแดง (เวียดนามได้รับการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียต ส่วนเขมรแดงได้รับการสนับสนุนจากจีน) เข้าบุกโจมตีกองทัพเขมรแดง เข้าปลดแอกประชาชนกัมพูชา จนได้รับชัยชนะ ควบคุมพนมเปญ และเปลี่ยนแปลงการปกครองได้ในปี ๒๕๒๒ ก่อนที่ความสูญเสียจะทวีคูณขึ้นเกิน ๓ ล้านคน หรือประมาณ ๑ ใน ๓ ของประชากรเขมรทั้งประเทศ
    ขอบพระคุณบทความจาก คุณ @Kanarop Chaiyasit
    ย้อนตำนาน 50 ปี เขมรแดงบุกยึดพนมเปญ จุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกัมพูชา ... #แผ่นดินต้องคำสาป เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๑๘ เมื่อกองกำลังเขมรแดง (Khmer Rouge) สามารถเข้าบุกยึดเมืองหลวงของประเทศ และควบคุมการปกครองของนายพลลอน นอล (Lon Nol) ซึ่งเป็นเผด็จการทหาร โดยมีรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเป็นผู้สนับสนุนได้สำเร็จ ท่ามกลางเสียงโห่ร้อง ดีใจของประชาชนที่ออกมาต้อนรับขับสู้ตามริมทาง มอบดอกไม้ต่างกำลังใจให้ผู้พิชิตเหล่านั้น โดยหารู้ไม่ว่า ในอีกไม่กี่เพลา ชีวิตของพวกเขากำลังเดินทางไปสู่เงื้อมมือของพญามัจจุราช เขมรแดง ซึ่งเป็นกองกำลังที่มีหัวขบวนหลักในการขับเคลื่อนโดยอดีตกลุ่มนักศึกษา "ปัญญาชนปารีส" อย่างพล พต (Pol Pot) เอียง ซารี เขียว สัมพัน ซอน เซน ฯลฯ ได้ยืนหยัดและยึดมั่นในอุดมการณ์ลัทธิซ้าย (คอมมิวนิสต์) อย่างสุดโต่งในการปฏิวัติกัมพูชา พวกเขามีความเชื่อว่า สังคมจะบังเกิดความจำเริญได้ ต้องมีความยุติธรรม ซึ่งจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่มีความเท่าเทียม ความเท่าเทียมที่ว่านี้ รวมไปถึงความเท่าเทียมในความเป็นอยู่ ความเท่าเทียมทางรายได้ ความเท่าเทียมทางการศึกษา เป็นต้นว่า ทุกคนต้องทำงาน มีอาชีพเหมือนกัน คือ ใช้แรงงาน เป็น labour ตามทุ่งนาต่างๆ เพื่อป้อนผลผลิตเข้าสู่ "องค์การ (Angkar) — ชื่อเรียกส่วนกลางของพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชา" อยู่แบบเดียวกัน อาศัยร่วมกันในค่ายที่เรียกว่า "คอมมูน (Commune)" ทั้งนี้ ยังไม่นับไปถึงความเท่าเทียมในเรื่องส่วนบุคคลอย่าง การแต่งกายที่ต้องเหมือนกัน คือ สวมชุดสีดำ โพกผ้าขาวม้า ห้ามมีทรัพย์สินส่วนตัว แม้แต่สบู่ แปรงสีฟัน ข้าวของจำเป็นในการอุปโภคบริโภค องค์การก็จะเป็นคนจัดให้ ไม่วายกระทั่ง "เลือกคู่ครอง" ให้ โดยอ้าง "เหตุผลของรัฐ (raison d'état)" ในกรุงพนมเปญ เขมรแดงเกณฑ์ผู้คนชาวกรุงนับล้านอพยพออกจากเมือง โดยโกหกว่า กองทัพสหรัฐฯ เตรียมการทิ้งระเบิด ชาวกรุงเหล่านั้น เป็นชนชั้นกลาง ปัญญาชน เศรษฐี ซึ่งถือเป็น "ชนชั้นนำ (elite)" ที่เขมรแดงตราหน้าว่าเป็น "ศัตรูของรัฐ" ในเวลาต่อมา ถูกบังคับให้ต้องเดินเป็นระยะทางหลายกิโล กระจายกันไปตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ตามแต่คำสั่งขององค์การ พวกเขาถูกนำตัวไปที่ค่าย (Commune) ที่ตั้งอยู่ตามทุ่งนาโล่งๆ หลายสิบแห่ง ที่ขนาดใหญ่และมีความสำคัญ เช่น ค่ายเสียมเรียบ พระตะบอง กันดาล เป็นต้น ตลอดระยะเวลาเกือบ ๔ ปีที่เขมรแดงขึ้นปกครองประเทศ กรุงพนมเปญกลายเป็นเมืองร้าง ไฟฟ้า ประปาไม่มีใช้ ยกเลิกโรงเรียน ธนาคาร โรงพยาบาล สาธารณูปโภคทุกอย่างถูกทำลาย เน้นการโดดเดี่ยวตัวเองเพื่อสร้างเศรษฐกิจแบบยังชีพตามอุดมการณ์พรรคคอมมิวนิสต์ คนทุกคนมีอาชีพเป็นแรงงาน ต้องทำงาน "เพื่อส่วนรวม" โดยไม่คิดถึงตัวเอง ๑๒ ชั่วโมง/วัน ตามทุ่งนา และจะได้รับอาหารจากองค์การเป็น "ข้าวเปล่าต้มสุก" ๑ กระป๋อง วันละ ๑ มื้อ ที่ถือได้ว่า "ดีแล้ว" เมื่อเทียบกับในคุก S-21 (ตวลสเลง) ที่ใช้คุมขัง "ศัตรูของรัฐ" ซึ่งได้รับอาหารเพียงข้าวต้ม ๓ ช้อน/วัน ด้วยการกดขี่ ใช้แรงงานอย่างไร้มนุษยธรรม ประกอบกับภาวะอาหารขาดแคลน อดอยาก มีผู้คนต้องล้มตายจากการขาดสารอาหาร การเจ็บป่วยที่ไม่มีแม้แต่ยารักษา เพราะแพทย์ถูกฆ่าตายจนหมดสิ้น ในฐานะ "ปัญญาชน" ซึ่งเป็นศัตรูของรัฐ คนป่วยต้องพึ่งพาสมุนไพร ใบไม้ในป่าพอประทัง และยังต้องทำงานเฉกเช่นเดียวกับคนปกติ การอู้งานอาจเป็นสาเหตุหนึ่งของข้อหา "ทรยศต่อองค์การ" ซึ่งแน่นอนว่าบทลงโทษของมันคือ "ความตาย" "ความตาย" กลายเป็น "มรณานุสสติ" ที่คนเขมรหวาดสะพรึงอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก ปัญญาชน คนต่างชาติ แม้แต่ "คนใส่แว่น" จะถูกฆ่าอย่างเหี้ยมโหด บ้างก็ถูกส่งไปทรมานในคุกพิเศษ บ้างก็ถูกฆ่ารวมกับ "พวกอู้งาน" กลางทุ่งนา จึงเป็นที่มาของคำเรียกว่า "ทุ่งสังหาร (killing field)" ท้ายที่สุด ภายใต้การนำของอดีตสมุนเขมรแดง ซึ่งรวมไปถึงนายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนปัจจุบันอย่าง "ฮุน เซ็น" ได้ร่วมมือกับกองทัพเวียดนาม ซึ่งเป็นคอมมิวนิสต์คนละสายกับเขมรแดง (เวียดนามได้รับการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียต ส่วนเขมรแดงได้รับการสนับสนุนจากจีน) เข้าบุกโจมตีกองทัพเขมรแดง เข้าปลดแอกประชาชนกัมพูชา จนได้รับชัยชนะ ควบคุมพนมเปญ และเปลี่ยนแปลงการปกครองได้ในปี ๒๕๒๒ ก่อนที่ความสูญเสียจะทวีคูณขึ้นเกิน ๓ ล้านคน หรือประมาณ ๑ ใน ๓ ของประชากรเขมรทั้งประเทศ ขอบพระคุณบทความจาก คุณ @Kanarop Chaiyasit
    0 Comments 0 Shares 3K Views 0 Reviews
  • เขมรนี่มันเป็นประเทศที่เลวสืบสันดานและสายเลือดกันมาจริงๆ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน แม้แต่เขมรรุ่นใหม่ๆ มันคงไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์ชาติตัวเองเลยว่า พวกมันนั่นแหละฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันเอง จนทำให้ปู่ยาตายายของพวกมันต้องอพยพหนีตายมาพึ่งพาไทย ก่อนที่จะได้ย้ายไปอยู่ในประเทศที่ 3 ก็เพราะไทยนี่แหละที่ให้ความช่วยเหลือ จนทำให้พวกเขมรรุ่นใหม่ๆ มันมีความเป็นอยู่ที่ดี มีการศึกษาที่ดี แต่การศึกษากลับไม่ได้ช่วยอะไรพวกมันเลย ... #พวกเลวระยำ
    เขมรนี่มันเป็นประเทศที่เลวสืบสันดานและสายเลือดกันมาจริงๆ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน แม้แต่เขมรรุ่นใหม่ๆ มันคงไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์ชาติตัวเองเลยว่า พวกมันนั่นแหละฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันเอง จนทำให้ปู่ยาตายายของพวกมันต้องอพยพหนีตายมาพึ่งพาไทย ก่อนที่จะได้ย้ายไปอยู่ในประเทศที่ 3 ก็เพราะไทยนี่แหละที่ให้ความช่วยเหลือ จนทำให้พวกเขมรรุ่นใหม่ๆ มันมีความเป็นอยู่ที่ดี มีการศึกษาที่ดี แต่การศึกษากลับไม่ได้ช่วยอะไรพวกมันเลย ... #พวกเลวระยำ
    0 Comments 0 Shares 1K Views 0 Reviews
  • ปธ. #สีจิ้นผิงว่าไง เขมรกลายเป็น สะเลนสะกี้แล้ว เขมรลงนามกับอเมริกาด้านการป้องกันประเทศ หลังจากข้อตกลงหยุดยิงทำงาน
    คราวนี้คงรู้แล้วนะว่าทำไมเขมรละเมิดข้อตกลงหยุดยิง
    เขมรจะโละของเก่า หลังจากนี้เขมรจะครอบครองอาวุธอเมริกัน และอเมริกาจะไม่ขายอาวุธให้กับไทย
    อเมริกาเดินแผนให้ติด "กับดักหนี้" เพื่อครอบครอง
    อนาคต กองทัพไทยหนักแน่ ถ้าเขมรมันครอบครองอาวุธอเมริกา
    ปธ. #สีจิ้นผิงว่าไง เขมรกลายเป็น สะเลนสะกี้แล้ว เขมรลงนามกับอเมริกาด้านการป้องกันประเทศ หลังจากข้อตกลงหยุดยิงทำงาน คราวนี้คงรู้แล้วนะว่าทำไมเขมรละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เขมรจะโละของเก่า หลังจากนี้เขมรจะครอบครองอาวุธอเมริกัน และอเมริกาจะไม่ขายอาวุธให้กับไทย อเมริกาเดินแผนให้ติด "กับดักหนี้" เพื่อครอบครอง อนาคต กองทัพไทยหนักแน่ ถ้าเขมรมันครอบครองอาวุธอเมริกา
    0 Comments 0 Shares 2K Views 0 Reviews
fornote https://fornote.in.th